4 สิงหาคมของทุกปี คือ วันสื่อสารแห่งชาติ เช็กประวัติและที่มา
วันที่ 4 สิงหาคม เป็นวันสื่อสารแห่งชาติ สำหรับในปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568
ประวัติวันสื่อสารแห่งชาติ
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2526 กำหนดให้วันที่ 4 สิงหาคมของทุกปีเป็น "วันสื่อสารแห่งชาติ" โดยประเทศไทยเริ่มต้นจัดงานวันสื่อสารแห่งชาติครั้งแรกในปี พ.ศ. 2526 ในวาระเดียวกับกรมไปรษณีย์โทรเลขครบรอบ 100 ปี
การเลือกวันดังกล่าวเนื่องจากเป็นวันที่สามารถเปิดการไปรษณีย์ในประเทศไทยได้เป็นผลสำเร็จเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2426 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริที่จะจัดการไปรษณีย์ขึ้นโดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ฯ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) เตรียมการอยู่เป็นเวลากว่า 2 ปี
ต่อมาในปี พ.ศ. 2441 เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการกราบบังคมทูลเสนอความเห็นว่าราชการของกรมไปรษณีย์และราชการของกรมโทรเลข ซึ่งตั้งขึ้นก่อนกรมไปรษณีย์แล้วนั้นเป็นงานในด้านสื่อสารด้วยกันควรรวมเป็นหน่วยราชการเดียวกันเพื่อความสะดวกแก่การดำเนินงาน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นเป็นการสมควรจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รวมหน่วยงานทั้งสองเข้าด้วยกันเรียกว่า "กรมไปรษณีย์โทรเลข" โดยทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ฯ ทรงเป็นอธิบดีผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นพระองค์แรก และได้ทรงได้รับการขนานพระนามว่า “พระบิดาแห่งการไปรษณีย์ไทย”
จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ประสูติเมื่อวันพุธที่ 11 มกราคม พุทธศักราช 2402 ณ พระตำหนักที่ประทับเดิมของสมเด็จพระศรีสลาไลย ซึ่งเป็นที่ตั้งหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ทรงมีพระนามเดิมว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์” มีพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีร่วมพระราชบิดาและพระราชมารดา 3 พระองค์ ได้แก่
1. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
2. สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์
3. สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อันเป็นยุคสมัยที่สยามประเทศจะต้องมีการปฏิรูปในหลายๆ ด้านพร้อมกัน เพื่อปรับปรุงบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าเช่นเดียวกับนานาอารยประเทศ
บุคคลผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแผ่นดินสยามยุคนั้นพระองค์หนึ่ง ก็คือสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุ วงศ์วรเดช ทรงเป็นปูชนียบุคคลที่มีความสำคัญยิ่ง ทรงประกอบพระกรณียกิจถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวถึง 3 รัชกาล ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 7 พระองค์ได้รับการสดุดีพระเกียรติคุณเป็น “พระบิดาแห่งการไปรษณีย์ไทย”
พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถรอบรู้หลายด้าน ทรงประกอบพระราชกิจในด้านต่าง ๆ จนได้รับพระมหา กรุณาธิคุณให้เลื่อนตำแหน่งชั้นยศ ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนสูงขึ้นเป็นลำดับ อาทิ ทรงเป็นเสนาบดีว่าการ กรมยุทธนาธิการ ทรงเป็นจอมพลทหารบกและจอมพลเรือองค์แรกของไทย ทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงกลาโหม ทรงเป็นอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขพระองค์แรก เป็นต้น อีกทั้งพระองค์ยังทรงเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กอปรกับที่ทรงช่วยราชการเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง ทั้งในส่วนราชการแผ่นดินและราชการในพระองค์ ดังนั้นเมื่อพระชันษาได้ 17 ปี รัชกาลที่ 5 จึงพระราชทานสร้างวัง “บูรพาภิรมย์” ซึ่งก็คือตำแหน่งที่เป็นย่านวังบูรพาทุกวันนี้ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงเป็นที่รู้จักของประชาชนในสมัยนั้นว่า “สมเด็จวังบูรพา”
นอกจากนี้ยังทรงเป็นต้นราชสกุล “ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา” ทรงเสกสมรสกับหม่อมแม้น ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม บุนนาค) โดยได้รับการยกย่องให้เป็นสะใภ้หลวง และยังมีหม่อมอีก 6 คน มีพระโอรสและพระธิดา รวมทั้งหมด 15 องค์ เสด็จทิวงคต ในสมัยรัชกาลที่ 7 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2471 สิริพระชันษา 68 ปี
สำหรับพระกรณียกิจในด้านการสื่อสารนั้น ทรงเป็นเป็นบุคคลแรกในการจุดประกายกิจการด้านสื่อสาร ไปรษณีย์ให้เกิดขึ้นบนสยามประเทศ ทรงร่วมกับพระบรมวงศานุวงศ์ จัดทำหนังสือพิมพ์รายวันขึ้นฉบับหนึ่ง มี ชื่อภาษาอังกฤษว่า “COURT” (คอต) ซึ่งแปลว่า “พระราชสำนัก” ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาไทยในภายหลัง ว่า “ข่าวราชการ” เพื่อแจ้งความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับข้อราชการและความเป็นไปในราชสำนักข่าวเหตุการณ์ บ้านเมืองเฉพาะในหมู่เจ้านายเป็นสำคัญ โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ ณ หอนิเพทพิทยา ในพระบรมมหาราชวัง และ โปรดให้มี “บุรุษหนังสือ” หรือ (postman) เพื่อนำส่งให้สมาชิกในตอนเช้าทุกวัน พร้อมกันนั้นทรงจัดพิมพ์ “ตั๋วแสตมป์” เพื่อใช้เป็นค่าบริการส่งหนังสือที่จะจำหน่ายแก่สมาชิกผู้รับหนังสือข่าวราชการด้วย
จนกระทั่งมาถึงก้าวสำคัญของการปรับเปลี่ยนระบบบริหารจากราชการมาเป็นรัฐวิสาหกิจเมื่อปี พ.ศ. 2520 บริการโทรคมนาคมในยุคของการสื่อสารแห่งประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม ถือเป็นจุดเปลี่ยนของการพัฒนาบริการสื่อสารโทรคมนาคมไทยให้ทัดเทียมนานาประเทศ
หลังจากนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ขึ้น ในปี 2546 การสื่อสารแห่งประเทศไทยได้ถูกแปลงสภาพออกเป็น 2 บริษัท 1 ในนั้นคือ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT และล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มกราคม ปี 2564 CAT และ TOT ได้ควบรวมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน เสริมศักยภาพ ทรัพยากรด้านสื่อสารโทรคมนาคมและสนับสนุนนโยบายภาครัฐ ในชื่อ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ยังคงฐานะเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อ เศรษฐกิจและสังคม และมีกระทรวงการคลัง ถือหุ้น 100%
จากวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 จวบจนในวันนี้ 140 ปี การสื่อสารโทรคมนาคมก็ยิ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติ ให้ทันต่อสถานการณ์ของโลกที่ เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะ เฉกเช่นที่เราเห็นกันทุกวันนี้ และเชื่อว่าในอนาคตการสื่อสารยิ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้ด้วยเช่นกัน.
ที่มา:
- บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)
- สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์