ผบ.ทร. แจงของบฯ ปี2569 ซื้อเรือฟริเกต ย้ำต้องการ2ลำ รับประกันใช้เงินคุ้มค่า
ผบ.ทร. แจงของบฯ ปี2569 ซื้อเรือฟริเกต ย้ำต้องการ2ลำ รับประกันใช้เงินคุ้มค่า วางเป้าปี80 ต่อเรือฟริเกตในประเทศเพิ่ม4ลำ “วิโรจน์” หนุนซื้อฟริเกต2 ลำ จี้เคาะเรือดำน้ำ พร้อมเสริมยานเกราะล้อยางป้องชายแดน กมธ. ซัก “งบลับ- ไอโอ”
วันที่ 27 มิ.ย. รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 เพื่อพิจารณางบของกระทรวงกลาโหม วงเงิน 204,434ล้านบาท โดย ปลัดกระทรวงกลาโหมผู้บัญชาการทหารสูงสุดผู้บัญชาการเหล่าทัพได้ชี้แจงถึงความจำเป็นในการเสนอของบประมาณ
โดย พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ชี้แจงว่า กองทัพเรือมีความต้องการบริหารงบประมาณให้สามารถรองรับการจัดหายุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ตอบสนองแนวคิดการใช้กำลังทางเรือในปัจจุบันและในอนาคต เข้ามาทดแทนยุทโธปกรณ์ที่มีความล้าสมัยที่ใช้ในราชการมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้กองทัพเรือต้องแบกรับงบประมาณในการซ่อมบำรุงสูงมากขอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกองทัพเรือยังให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมต่อเรือและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเพื่อการพึ่งพาตนเองตามนโยบายรัฐบาลสำหรับงบประมาณที่กองทัพเรือได้รับการจัดสรรวงเงิน 43,491 ล้านบาทเศษเพิ่มขึ้นจำนวน 2,052ล้านบาทเศษ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.99
โครงการในแผนงบประมาณปี 2569ที่สำคัญคือ โครงการจัดหาเรือฟริเกตจำนวน2 ลำเพื่อเป็นหลักประกันในการรักษาผลประโยชน์ของชาติตามหน้าที่ของกองทัพเรือ ในโครงการนี้
เรามีความมุ่งหวังส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเรือ และกิจการอื่นในการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับระบบที่อยู่ในเรือ
“ถ้าหากโครงการสามารถเดินหน้า
ได้จะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของประเทศหลักพันล้านบาทและจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศให้กับอุตสาหกรรมงต่อเรือกับกองทัพเรือได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้มีการเสริมสร้างให้มีข้อตกลงของ offset policy ตามนโยบายรัฐบาล ในโครงการนี้ผมยืนยันว่ากองทัพเรือยืนยันจะใช้งบประมาณ ที่ได้รับการจัดสรรให้ได้รับประโยชน์สูงสุด”ผบ.ทร. ระบุ
จากนั้น ทร. ได้นำเสนอข้อมูลผ่านวีดีทัศน์ เนื้อหาระบุว่า จากสถานการณ์ความมั่นคงทางทะเล ประเทศจีนได้ขยายอิทธิพลทางทะเลเพื่อผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ ตามยุทธศาสตร์ BRI และการสนับสนุนยุทโธปกรณ์ ท่าเรือ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับประเทศในภูมิภาคอาเซียนในช่วง4-5 ปีที่ผ่านมาส่งผลให้ประเทศเพื่อนบ้านมีกำลังทางเรือที่แข็งแกร่งมากขึ้น อาจจะส่งผลต่อความมั่นคงทางทะเลของไทยและมีความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งในพื้นที่ทางทะเลโดยเฉพาะในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนได้ จะเห็นได้จากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางบกกับกัมพูชา และการจับกุมเรือประมงไทยที่ฝั่งทะเลอันดามัน ปัญหาเหล่านี้อาจขยายตัวไปสู่การใช้กำลังต่อกัน กองทัพเรือจึงจำเป็นต้องมีความได้เปรียบในการรบที่เหนือกว่า เพื่อให้ประเทศคู่กรณีเข้าสู่การเจรจาในระดับต่างๆต่อไป
ทั้งนี้กองทัพเรือได้กำหนดยุทธศาสตร์ไว้ว่า ภายใน2580 กองทัพเรือมีความต้องการต่อเรือฟริเกตสมรรถนะสูงภายในประเทศเพิ่มขึ้นอีก4ลำเพื่อประจำการในพื้นที่ปฏิบัติการ ทัพเรือภาคทั้งสองฝั่งทะเล เป็นการยกระดับและ พัฒนาขีดความสามารถในการต่อเรือในประเทศให้สูงขึ้น ทั้งต่อเรือรบประเภทต่างๆ เช่น เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง เรือตรวจการณ์ปืน ซึ่งจะทำให้สามารถต่อเรือรบให้ทร.วงเงินรวม23,000ล้านบาท
นายธเนศ เครือรัตน์ กมธ.งบฯ สอบถามความคืบหน้าในการจัดซื้อเฮริลคอปเตอร์ของกองทัพบก ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องรวมถึงโครงการจัดซื้อฟริเกต ซึ่งในปี 2569 ได้ เสนอขอรับประมาณ 1,750 ล้านบาทใน รวมถึงรายละเอียดของ offset policy
ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กรมาธิการฯ สอบถามเรื่องปฏิบัติการไอโอรวมถึงโครงการที่เป็นรหัสลับต่างๆ โดยเฉพาะขศปก. 6484 ที่ตั้งขึ้นตามเเอ็มโอยูที่ลงนามไว้มาตั้งแต่ปี 2530ตอนนี้เห็นถึงความก้าวหน้าของกองทัพในเรื่องของ offset policyและ การถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยเฉพาะทีโออาร์ของกองทัพบกระบุไว้ว่าจะต้องมีการใช้ในประเทศผู้ผลิตก่อน ซึ่งหลายรุ่นมีการส่งขายให้ต่างประเทศแล้ว แต่กองทัพเราไม่เคยมีการใช้มาก่อน
ในงบฯ 68 มีปัญหาเรื่องการตั้งประมานในสัดส่วนการซ่อมบำรุงรถเกราะ ซึ่งมีจำนวนน้อยไม่เพียงพอใช้ในชายแดน 2,000 กว่ากิโลเมตรยานเกาะมีความสำคัญมาก ตนขอชื่นชมกองทัพที่เน้นหนักไปที่การซ่อมบำรุงโดยเฉพาะยานเกราะวี -150 แต่ที่เป็นห่วงคือ BRTจากยูเครนซึ่งขณะนี้มีปัญหาในเรื่องของสถานการณ์สงครามทำให้มีปัญหาในเรื่องการซ่อมบำรุงและมีอะไหล่ขาดแคลนอะไร
กรณีเรือฟริเกตเราเคยมีประสบการณ์ที่เลวร้ายเกี่ยวกับซื้อเรือคลาสเดียวกันเพียงลำเดียว ทั้งที้การจัดซื้อเรือควรทำเป็นชุดเรือ 2 ลำ ซึ่งถือว่าสมเหตุสมผล มีความคุ้มค่า เพราะจากบทเรียนรล.ภูมิพลก็อยู่ในการซ่อมบำรุงเพราะใช้งานหนักมากจนคิดว่ามีความจำเป็นต้องเร่งคลี่คลายปัญหาเหล่านี้
นอกจากนั้นยังต้องการทราบถึงความคืบหน้าในเรื่องของโครงการเรือดำน้ำควรจะต้องจบให้ได้ ตอนนี้จะเอายังไงก็ต้องเอากันเพียงแต่จะได้ข้อเสนออย่างไรที่สมเหตุสมผลเท่านั้น
พล.ร.อ.จิรพล ให้สัมภาษณ์ กล่าวถึงวงหารือนอกรอบกับนายภูมิธรรมเวชยชัย รองนายกฯรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมหลัง ประชุมสภากลาโหมในเรื่องเรือดำน้ำ ว่า อยู่ที่ท่านอยู่แล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งขณะนี้ต้องรอท่าน