[Vision Exclusive] CBG ธุรกิจไม่สะดุด มาร์เก็ตแชร์นิวไฮ
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น - CBG ยันธุรกิจไม่สะดุดจากสถานการณ์ชายแดน ยอดขาย-ขนส่งปกติ เกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิดพร้อมรับมือ ยันเป้ารายได้ปี 68 โต 30% – ส่วนแบ่งตลาด All Time High สิ้นปี 29% จากมิ.ย. 26.8% ยืนราคาขายคาราบาว 10 บ. โบรกมอง น่าสนใจยิ่งขึ้นจากการที่ข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชาดูเหมือนจะได้ผ่านจุดต่ำสุดในระยะสั้นไปแล้ว นลท.จะหันมองเชิงบวกมากขึ้น ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ ราคา 61.50 บาท
นายร่มธรรม เสถียรธรรมะ กรรมการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยถึงสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ว่าในปัจจุบัน บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ โดยการขนส่งสินค้าทางเรือยังดำเนินการได้ตามปกติ และตัวแทนจำหน่ายยังสามารถเข้ามารับสินค้าได้ตามปกติ ทั้งนี้ ยอดขายในช่วงเวลานี้ยังอยู่ในระดับปกติ ไม่ได้ลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่าแนวโน้มในอนาคตยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจน ต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งอย่างใกล้ชิด
ดังนั้นบริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนการเติบโตปี 2568 อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบกับปี 2567 ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 21,170 ล้านบาท โดยส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) เติบโตได้ดีอย่างมีนัยสำคัญโดยในเดือนมิถุนายน ส่วนแบ่งตลาด CBG ทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ที่ 26.8% (+220 bps YoY, +140 bps MoM)ทั้งในแง่ของแบรนด์และผู้ผลิต บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้แตะระดับ 29% ภายในสิ้นปี เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของประเทศ ทั้งนี้ ทั้งนี้ในส่วนของกำลังซื้อขณะนี้ ในส่วนของบริษัทยังไม่ได้กระทบต่อยอดขาย
ส่วนธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอก ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง จากสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างเหล้าขยายตัวได้ดี ส่วน “เบียร์” เป็นการเติบโตค่อยเป็นค่อยไป และยังได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์สร้างความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคเพื่อขยายฐานผู้ดื่ม โดยเน้นการทำตลาดผ่านร้านค้าในกลุ่ม On-trade (เช่น ผับ บาร์ และร้านอาหารในหัวเมืองใหญ่), การจัดกิจกรรมในงานอีเว้นท์และคอนเสิร์ต ตลอดจนการใช้การแข่งขันฟุตบอล Carabao Cup เป็นเครื่องมือในการสร้างการรับรู้ถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ และยกระดับแบรนด์ “Carabao Beer” และ “Tawandang Beer” ให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทำไมเรากลับมามองแนวโน้มเป็นบวกด้วย risk/reward ที่น่าสนใจขึ้นจากความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาเริ่มผ่อนคลาย โดยมีข้อตกลงที่จะหยุดยิง”ทันทีและไม่มีเงื่อนไข” มีผลตั้งแต่เที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่นจากผลการประชุมที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29
กรกฏาคม 2568 ในการหารือสถานการณ์ระหว่างสองประเทศเพิ่มเติม นอกจากนี้การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) จะจัดขึ้นโดยกัมพูชาในวันที่ 4 สิงหาคม 2568แม้จะยังไม่มีการกล่าวถึงการเปิดจุดผ่านแดนอีกครั้งก็ตาม ปัจจุบัน CBG มีรายได้ราว 15%จากกัมพูชา ซึ่งคิดเป็นประมาณ 20% ของกำไรสุทธิ โดยที่ CBG วางแผนที่จะเริ่ม CODโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลังร่วมทุน (JV) ที่กำลังทำร่วมกันในกรุงพนมเปญโดยเร็วที่สุดใน ธันวาคม 2568
อีกทั้งสหรัฐฯ ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อพันธมิตรหลายรายของนายพลผู้ปกครองเมียนมา เมื่อ 24 กรกฎาคม 2568 ซึ่งส่งสัญญาณถึงความพยายามที่จะรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองกับเมียนมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเข้าถึงแร่ธาตุหายาก ปัจจุบัน CBG มีรายได้ประมาณ 6-7% จากเมียนมาอีกทั้ง CBG เพิ่งบรรลุ COD ในการผลิตเครื่องดื่มชูกำลังที่เมียนมาในเดือน กรกฎาคม 2568
ประมาณการ 2Q68F และแนวโน้ม 2H68F
โดยยืนยันประมาณการกำไร ไตรมาส ของ CBG โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิที่ 805 ล้านบาท (+6% QoQ และ+17% YoY) หนุนจากยอดขายในประเทศเติบโตดีตามฤดูกาล ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพด้านต้นทุนจากต้นทุนน้ำตาล อะลูมิเนียม และค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ลดลง
แต่อย่างไรก็ตาม ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในต่างประเทศคาดว่าจะลดลง และ GPM คาดว่าจะทรงตัวที่27.3% โดยลดลงเล็กน้อยจาก ไตรมาส 1/2568 แม้ว่ายอดขายในประเทศจะชะลอตัวลงก็ตาม แต่ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะเมียนมายังมีการฟื้นตัวได้ ส่วนในช่วง ครึ่งปีหลัง 2568 กำไรของ CBG เทียบ QoQ น่าจะอ่อนตัวลงใน3Q68F จากนั้นกำไร 4Q68F จะเพิ่มขึ้น ขณะที่ CBG ยังคงตั้งเป้าประมาณการกำไรหลัก ครึ่งปีแรก ที่ 1.6พันล้านบาท (+19% YoY) อย่างไรก็ดี การที่ margin จะดีขึ้นได้ในระยะยาวคาดว่าจะมาจากโรงงาน JVในย่างกุ้งและพนมเปญ โดยเป็นไปได้ที่ margin จะเพิ่มราว 100-150bps
ปรับเพิ่มคำแนะนำ CBG ขึ้นเป็น “ซื้อ” จากถือ โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสูงขึ้นที่ 61.50 บาท(อิงจาก PE สูงขึ้นที่ 20x และค่าเฉลี่ย 3 ปีในอดีต -1.3SD) (จาก 17x) จากเดิม 52.00 บาท เชื่อว่า risk-reward ของ CBG น่าสนใจยิ่งขึ้นจากการที่ข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชาดูเหมือนจะได้ผ่านจุดต่ำสุดในระยะสั้นไปแล้ว ประเด็นนี้ ทำให้ discount ของ valuationลดน้อยลง โดย sentiment ของนักลงทุนจะหันมามองเชิงบวกมากขึ้นในระยะกลางถึงยาว แต่อย่างไรก็ตามแนวโน้มจะต้องเฝ้าติดตามต่อเนื่อง
รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว Hoonvsion