'เผ่าภูมิ' ชี้นโยบายการเงินควรเหยียบคันเร่งประสานการคลัง รับมือภาษีสหรัฐ
เผ่าภูมิเผยชี้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังเจอแรงเสี่ยง จี้นโยบายการเงินประสานนโยบายการคลัง ยันรัฐบาลพร้อมอัดฉีดงบฯกระตุ้นรับมือผลกระทบภาษีสหรัฐ
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความท้าทายจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลก และแนวโน้มมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกาที่อาจกระทบต่อภาคการส่งออก
โดยรัฐบาลพร้อมประเมินสถานการณ์ รวมถึงผลกระทบและเสริมมาตรการหากมีปัจจัยใหม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งจะเป็นจุดชี้วัดสำคัญของทิศทางเศรษฐกิจปี 2569
ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลจำเป็นต้องขับเคลื่อนนโยบายการคลังอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะการเร่งผลักดันงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อประคองกำลังซื้อ กระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และดูแลกลุ่มเปราะบางในสังคม
“งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 115,000 ล้านบาท จะทยอยลงสู่ระบบในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปีหน้า ขณะเดียวกัน ยังมีวงเงินสำรองอีกประมาณ 40,000 ล้านบาท เพื่อรองรับสถานการณ์เฉพาะหน้า โดยเฉพาะผลกระทบจากภายนอก เช่น การค้าระหว่างประเทศ หรือการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีจากประเทศคู่ค้า”
นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ขณะที่ทิศทางการลดดอกเบี้ยนั้น ก็อยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ทั้งนี้นโยบายการคลังเดินหน้าเหยียบคันเร่งอย่างเต็มที่ ซึ่งก็หวังว่านโยบายการเงินจะดำเนินนโยบายการเงินในทิศทางที่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอยู่ในทิศทางเดียวกัน
“นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะทำงานลำพัง ต้องประสานกันทั้งนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน รัฐบาลเร่งอัดฉีดแล้ว ก็หวังว่าจะเห็นการตอบสนองในมิติของการเงินด้วย”
นายเผ่าภูมิกล่าวว่า นโยบายการเงินไม่ควรจำกัดอยู่เพียงการพิจารณาดอกเบี้ยนโยบายเท่านั้น แต่ควรมีมาตรการที่ช่วยกระจายสภาพคล่อง เพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อของภาคเอกชน และผ่อนคลายเงื่อนไขทางการเงินที่ยังตึงตัว
“บางมาตรการอย่าง LTV ที่เคยเข็ม หรือ Responsible Lending ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ การปรับให้เหมาะสมในช่วงที่ต้องการแรงกระตุ้นเป็นเรื่องจำเป็น”
ขณะที่คลังจะไม่แทรกแซงอิสระของธนาคารกลาง แต่ความร่วมมือเชิงนโยบายเป็นสิ่งที่จำเป็น ในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่กลับสู่ระดับศักยภาพเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงที่เครื่องยนต์ส่งออกยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และภาคครัวเรือนยังต้องการแรงหนุน
“ไม่มีใครต้องการให้เกิดภาวะเกินดุลหรือล้นเกิน แต่ในเวลาที่เศรษฐกิจยังอ่อนแรง เราจำเป็นต้องใช้ทุกเครื่องมือที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2568 มีสัญญาณฟื้นตัวที่ดี โดยเฉพาะในภาคการผลิตและการท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสที่จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจขึ้น แต่ขณะนี้มีปัจจัยลบเข้ามาจากนโยบายภาษีสหรัฐอเมริกาที่ประกาศเก็บภาษีนำเข้าไทย 36% ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ฉะนั้น จะต้องมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจอีกครั้ง
“ตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจ เช่น ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การบริโภคภายในประเทศ และการท่องเที่ยว มีทิศทางเป็นบวก หลายตัวสะท้อนว่าเศรษฐกิจมีแรงส่ง แต่ปัจจัยความเสี่ยงสำคัญในช่วงครึ่งปีหลัง คือผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐ ซึ่งยังต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘เผ่าภูมิ’ ชี้นโยบายการเงินควรเหยียบคันเร่งประสานการคลัง รับมือภาษีสหรัฐ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net