นับถอยหลัง 80 วัน กทม.ปรับค่าเก็บขยะอัตราใหม่
เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้า เขตพระนคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยนายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร ร่วมกันแถลงข่าว “โครงการบ้านนี้ไม่เทรวม : แยกขยะลดค่าธรรมเนียม” นับถอยหลัง 80 วัน จัดเก็บค่าธรรมเนียมขยะใหม่ในเดือน ต.ค. นี้ ว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ กทม. ที่มีการแยกขยะตามกฎหมาย หลักการง่ายๆ คือ การแยกขยะเปียก กับขยะแห้ง
ในส่วนครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการมีขยะไม่เกิน 20 กก.ต่อวัน จะเสียค่าจัดเก็บขยะ 20 บาทต่อเดือนเท่าเดิม แต่ถ้าไม่เข้าร่วมโครงการจะเสียค่าจัดเก็บขยะ 60 บาทต่อเดือน จึงอยากให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY กันจำนวนมาก และอยากขอให้ทุกคนช่วยกันแยกตั้งแต่ต้นทาง เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะของ กทม.ประมาณ 7,000–8,000 ล้านบาท และสามารถนำขยะรีไซเคิลไปใช้ประโยชน์ สามารถนำไปขายหรือบริจาคได้ เปลี่ยนเป็นเงินได้
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อไปว่า ในส่วนภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ที่มีขยะเกิน 20 กก.ต่อวัน ก็มีการปรับค่าธรรมเนียมแพงขึ้นด้วย ในช่วงแรกของการดำเนินการจะมีการแจกถุงขยะ และแจกสติกเกอร์ให้สำหรับติดแยกขยะไว้ ทั้งนี้ ในการจัดเก็บขยะของแต่ละเขตจะมีรูปแบบที่ต่างกัน โดยบางแห่งจะมีรถย่อยๆ มาเก็บขยะเปียกก่อน เขตที่อยู่ในเมืองชั้นใน มีตรอก ซอยเล็กๆ เยอะ ก็จะมีรถมอเตอร์ไซค์ไปรับขยะเปียกต่างหาก หรือ เขตที่อยู่ไกล อย่างเช่น เขตลาดกระบัง และเขตหนองจอก ซึ่งมีพื้นที่กว้าง ก็จะมีรถคันเดียวกันแต่จะมีถังแยกขยะเปียกไว้ต่างหาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้อำนวยการเขตต้องไปวางแผนดำเนินการ และให้ความรู้กับประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วย
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเพิ่มว่า การปรับอัตราค่าจัดเก็บขยะในช่วงแรก จะมีการประเมินผลการดำเนินการทุกสัปดาห์ เป็นเรื่องที่ท้าทาย ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่ผ่านมา กทม.ยังไม่เคยทำเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจกันก็จะเปลี่ยนเมืองให้ดีขึ้น ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่าแสนรายแล้ว นับถอยหลังอีก 80 วัน จากนี้ในส่วนการรับขยะของ กทม. เตรียมการค่อนข้างพร้อมแล้ว.