"ยูนิโคล่" จ่อขึ้นราคาสินค้าในสหรัฐฯ ผลจาก "ภาษีทรัมป์"
Fast Retailing บริษัทแม่ของแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังระดับโลกอย่าง Uniqlo ออกมาเตือนถึงผลกระทบทางธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นจากการที่สหรัฐอเมริกาจะบังคับใช้มาตรการภาษีในระดับสูงกับสินค้าเสื้อผ้านำเข้า โดยเฉพาะจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของ Uniqlo
บริษัทเปิดเผยว่า ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาวในปลายปีนี้เป็นต้นไป ต้นทุนของสินค้าที่จำหน่ายในตลาดสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากภาระภาษีใหม่ ทำให้บริษัทไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปรับขึ้นราคาสินค้าบางส่วน เพื่อรักษาโครงสร้างรายได้และความสามารถในการทำกำไร
Takeshi Okazaki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Fast Retailing กล่าวในงานแถลงผลประกอบการว่า บริษัทไม่สามารถดูดซับต้นทุนได้ทั้งหมด จึงจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าเฉพาะในบางกลุ่มที่เหมาะสม โดยยังคงเน้นกลยุทธ์สร้างธุรกิจที่ยั่งยืนและทำกำไรได้ในระยะยาว
สินค้าส่วนใหญ่ของ Uniqlo ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ผลิตจากโรงงานในประเทศแถบเอเชีย เช่น เวียดนาม ศรีลังกา และบังกลาเทศ โดยทรัมป์ได้ประกาศเพิ่มอัตราภาษีใหม่ในหลายประเทศเมื่อไม่นานมานี้ เช่น ศรีลังกาถูกกำหนดอัตราภาษีใหม่ที่ร้อยละ 30 ขณะที่เวียดนามถูกตั้งไว้ที่ร้อยละ 20 และการส่งสินค้าผ่านเวียดนามจากประเทศที่ 3 จะถูกเรียกเก็บภาษีสูงถึงร้อยละ 40
ในระยะยาว Fast Retailing ยังเผชิญแรงกดดันจากยอดขายที่ชะลอตัวในจีน ซึ่งเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยมีร้าน Uniqlo มากกว่า 900 แห่ง บนแผ่นดินจีน ทั้งนี้ บริษัทได้เริ่มปรับแผนธุรกิจไปเน้นตลาดอเมริกาเหนือและยุโรปมากขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและความต้องการสินค้ากลุ่มแฟชั่นที่ลดลง
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า Fast Retailing เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ในเอเชียแปซิฟิกที่มูลค่าหุ้นลดลงมากที่สุดในครึ่งแรกของปี 2025 โดยราคาหุ้นปรับตัวลดลงประมาณร้อยละ 8 นับเป็นสัญญาณสะท้อนถึงแรงกดดันทางธุรกิจที่บริษัทกำลังเผชิญทั้งจากภายในประเทศและนโยบายการค้าระหว่างประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง