อธรรมาภิบาล บั่นทอนทำลายทุกสถาบันอย่าให้คนไม่ดีมีอำนาจ และมีที่ยืนในสังคม
อะไรคือสาเหตุ… ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ธรรมาภิบาล”
มีคำถามต่อว่า “ธรรมาภิบาลที่ดี อยู่ที่ คุณภาพของระบบ หรือ คุณภาพของคน”
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ผู้คนมีการศึกษาดี สังคมให้คุณค่าแก่คุณธรรม จริยธรรมมากกว่าเงินตรา จะแตกต่างจากประเทศที่ด้อยพัฒนา ที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด มักจะให้ค่ากับคนที่มีอำนาจ มีเงินตรา มากกว่าคนดี
เมื่อเราให้คุณค่ากับภาพลักษณ์ภายนอกของผู้คนในสังคม มากกว่าความดีที่อยู่ภายใน เหตุการณ์ “วิบัติ” เหล่านี้จึงวนเวียนมาให้สภากาแฟถกกันอย่างเมามันยิ่งกว่าโหนกระแส ไม่เพียงเรื่องของวงการสงฆ์ ก่อนหน้านี้ก็มีวงการแพทย์ วงการครู วงการดารา วงการธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ วงการทหารตำรวจ วงการราชการ ไม่เว้น สตง. ที่เป็นหน่วยงานตรวจสอบ และที่มีเรื่องเสื่อมเสีย อธรรมาภิบาลมากที่สุด ในตอนนี้ก็คือ วงการการเมือง ทั้ง สส. สว. และผู้เกี่ยวข้อง
บางคนบอกว่า “ทุกวงการมีคนดี และคนไม่ดี” ข่าวฉาวทั้งหลายอาจจะมาจากคนไม่ดีเพียงไม่กี่คนก็ได้
บางคนเถียงว่า “รู้ได้อย่างไรว่าที่ปูดออกมาคือคนไม่ดีส่วนน้อย อาจเป็นวัฒนธรรมองค์กรไปแล้วก็ได้”
บางคนบอกว่า ทุกวงการเขารู้กันทั้งนั้น แต่ไม่พูดเพราะได้ประโยชน์ร่วม “เมื่อคนดีนิ่งเฉย วันหนึ่งก็จะเกิดเรื่องแบบนี้”
แล้วจะทำให้คนดี ๆ ในองค์กร และในวงการ ออกมาแฉ หรือแจ้งเบาะแสคนไม่ดีได้อย่างไร
คนดีจะกล้าพูดก็ต่อเมื่อ 1.“ผู้นำองค์กร หรือคณะผู้บริหาร” มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ 2.มีระบบ “ธรรมาภิบาล” ที่มีมาตรฐานสูง 3.มี “กรรมการธรรมาภิบาล” ที่มีคุณภาพ โปร่งใส และมีระบบตรวจสอบที่เที่ยงตรง และ 4.ต้องมีช่องทาง “Whistle Blowing การแจ้งเบาะแส” ที่มีขบวนการจัดการที่เอาจริง สุดซอย และคุ้มครองผู้แจ้ง
ทำ 4 เรื่องนี้ให้ดี จะเป็นภูมิคุ้มกันความเสื่อมเสีย และความไม่ยั่งยืนได้ อย่าให้คนชั่วมีอำนาจ และมีที่ยืนในองค์กรและในสังคม.