โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ของมะกันไม่ท่วม “ไทย” เหตุนำเข้าสินค้า “จีน” มากกว่าสหรัฐฯ 4 เท่า

อีจัน

อัพเดต 11 สิงหาคม 2568 เวลา 23.28 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อีจัน

วันนี้ (11 ส.ค.68) นายอาริส ดาคาเนย์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารเอชเอสบีซี เปิดเผยบทวิเคราะห์ เศรษฐกิจไทย หลังการประกาศมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลง

ตามที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศจะจัดเก็บอัตราภาษีนำเข้าจากไทยที่ระดับ 19% เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา แม้อัตราดังกล่าว จะสูงกว่าความคาดหวังของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ 18% แต่อัตราภาษีนำเข้าที่ 19% ของไทยไปยังสหรัฐฯ ก็เท่ากับอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ และต่ำกว่าอัตราภาษีนำเข้าของเวียดนามที่ 20% เล็กน้อย

ซึ่งทั้งหมดนี้หมายความว่าไม่มีประเทศใดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในอาเซียนที่มีข้อเสียเปรียบหรือข้อได้เปรียบเมื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ

นายอาริสกล่าวว่า ซึ่งอัตราภาษีตอบโต้ส่งผลกระทบต่อไทย จะสูญเสียการเติบโตของเศรษฐกิจที่ 0.9% นอกจากนั้นการเติบโตตลอดปี 2568 จะอ่อนลงเหลือ 1.7% อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านลบต่อการประมาณการนี้ยังจำกัด เนื่องจากอัตราภาษีตอบโต้ทั่วภูมิภาคไม่ได้สร้างแรงจูงใจให้มีการทดแทนกันระหว่างสินค้าจากตลาดเกิดใหม่ในอาเซียน หรือการจัดสรรส่วนแบ่งตลาดใหม่ในสหรัฐฯ

อีกทั้งคาดว่าความเชื่อมั่นที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านบวก หรือโอกาสการเติบโตแก่ภาพรวมเศรษฐกิจไทย เพราะนักลงทุนและผู้ประกอบการชะลอการลงทุนนับตั้งแต่การเลือกตั้งสหรัฐฯ จนถึงการประกาศภาษีนำเข้าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลอดจนความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ภาคเอกชนผู้ผลิตไม่เติมสินค้าคงคลัง แม้จะมีการสั่งซื้อล่วงหน้า ดังนั้น สัดส่วนใหญ่ของการส่งออกในอนาคตน่าจะมาจากการผลิตสินค้าใหม่ ไม่ใช่การนำสินค้าคงคลังที่มีอยู่เดิมไปส่งออก อีกทั้งการเปิดเครื่องจักรและสายการผลิตอีกครั้งจะสามารถนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ระดับสินค้าคงคลังที่เพิ่มสูงขึ้นล่าสุด (หลังจากติดลบเป็นเวลา 6 เดือนติดต่อกัน) เป็นสัญญาณบวกที่บอกได้ว่าภาคเอกชนผู้ผลิตในไทยอาจมีผลประกอบการที่ดีขึ้นในอนาคต ตลอดจนการลงทุนในประเทศและต่างประเทศจะกลับมาหลังมีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการค้าโลก

ทั้งนี้ เราไม่เชื่อว่าสินค้าสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดภายในประเทศของไทย ภายหลังจากไทยเปิดตลาดให้สหรัฐฯ เนื่องจากสินค้าสหรัฐฯ ที่นำเข้ามายังไทยส่วนใหญ่อยู่ในกล่มธุรกิจพลังงานและสินค้าประเภทปัจจัยการผลิตชั้นสูง ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยไม่ผลิตอยู่แล้ว

นอกจากนั้น ข้อมูลยังแสดงว่าไทยจัดหาสินค้านำเข้าส่วนใหญ่จากจีนแผ่นดินใหญ่ (ที่มีแรงกดดันการแข่งขันต่อเนื่อง) ซึ่งหากตัดสินค้าในกลุ่มพลังงานออกไป จะพบว่าไทยนำเข้าสินค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่มากกว่าจากสหรัฐฯ ถึง 4 เท่า ส่วนในประเด็นอื่นๆ นั้น ข้อจำกัดการนำเข้าชิปชั้นสูงโดยสหรัฐฯ มายังไทย จะไม่ทำลายขีดความสามารถในการส่งออกของไทย (Thailand trade monitor, 31 ก.ค.68)

ในทางกลับกัน นโยบายการเงินกลับเป็นเรื่องที่ซับซ้อน โดยเราคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เดือนส.ค. อย่างไรก็ตาม อาจมีความเป็นไปได้ที่ ธปท.จะคงท่าทีทางการเงินด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75%

รายงานการประชุม กนง. ครั้งล่าสุดระบุชัดเจนถึงความตั้งใจของ ธปท.ในการลดอัตราดอกเบี้ยลงเพิ่มเติมว่า จะเป็นเพียงการปรับลดในจังหวะเวลาที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับนโยบายการค้าโลก เนื่องจากในการประชุมครั้งล่าสุด ธปท.ได้คาดว่าอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่เก็บจากไทยจะอยู่ที่ 18% ขณะที่ประเทศอื่นๆ จะมีอัตราภาษีนำเข้าเพียง 10% กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ธปท.ประเมินว่า ไทยจะมีข้อเสียเปรียบด้านภาษีเมื่อเทียบกับตลาดอาเซียนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนได้บรรเทาลง และผลการเจรจาภาษีออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากประเทศตลาดเกิดใหม่ในอาเซียนมีอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 19% -20% ทำให้ไทยไม่ต้องเผชิญข้อเสียเปรียบด้านภาษีนำเข้าจากประเทศอื่นๆในอาเซียน

“ดังนั้น เมื่อความเสี่ยงด้านลบต่อการเติบโตลดลง จึงทำให้ ธปท. มีแรงกดดันในการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมที่เคยระบุไว้ในการประชุมครั้งสุดท้ายของ ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ในฐานะผู้ว่าการ ธปท. ลดลงไปด้วย”นายอาริสกล่าว

ทั้งนี้ ความท้าทายยังคงมีอยู่และเศรษฐกิจไทยยังต้องหาหาจุดยืนเมื่อเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างต่างๆ ในอนาคต แต่อย่างไรก็ดี อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่เพิ่งประกาศออกมาก็ช่วยลดอุปสรรคและความกังวลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยไปได้มาก

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก อีจัน

แพทย์แจง หนุ่มคอบวม ป่วยมะเร็งลำคอ เพราะ “ออรัลเซ็กส์”

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แพทย์ ตอบชัด! ปม เด็กรัวหมัดใส่ครูกลางห้องเรียน เป็นเพราะป่วยหรือแค่หัวร้อน

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

AWC อวดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 โต 12.7% แตะ 1,404 ล้านบาท

Khaosod

AWC เปิดกำไรไตรมาส 2/68 พุ่ง 1.4 พันล้าน โต 12.7% ชู "จูราสสิค เวิลด์" ปั้มยอด

ฐานเศรษฐกิจ

เปิดรายได้ธุรกิจ ลูกชาย เตีย บัญ เจ้าของปั๊มน้ำมันใหม่กัมพูชา เห็นแล้วสะเทือนปฐพี

sanook.com

สรุปราคาทองวันนี้ 11 สิงหาคม 2568

สยามนิวส์

ซี อาร์ ซี สปอร์ตต่อยอดกลยุทธ์สร้างคอมมิวนิตี้เจาะกลุ่มแฟนบอล

ฐานเศรษฐกิจ

“ONEE” พลิกกำไรไตรมาส2/68 ปักธงกลยุทธ์Idol Marketingชูโรง

Manager Online

“พาณิชย์”จับมือ“เต่าบิน”ปั่นน้ำผลไม้ ช่วย"เกษตรกร"

TNN ช่อง16

เซ็นทรัลพัฒนา ปั้น Destination for New Gen Motherhood รับวันแม่ เปิดแคมเปญ‘My Mom My Mate’ จัดเต็มกิจกรรมตลอด เดือนสิงหาคมที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วไทย

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

ทองดิ่งเหว -250 นักลงทุนผวา “ทรัมป์” เก็บภาษีทองคำแท่ง

อีจัน

ธุรกิจนิคมอุตฯ ซึม นักลงทุนเมินซื้อ “ที่ดิน” ผวาภาษีสหรัฐฯ รีดไทย

อีจัน

“จีน” หนีภาษีทรัมป์ ส่งสินค้าท่วม “ไทย” รับสต็อกเบอร์ 1 อาเซียน

อีจัน
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...