‘ภูมิธรรม’ ลงชายแดนสุรินทร์ ให้กำลังใจชาวบ้าน – ชรบ. พร้อมดันค่าตอบแทนเข้าที่ประชุม ครม.
วันนี้ (9 สิงหาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังศูนย์อพยพโรงเรียนพนมดงรักวิทยา ตำบลจีกแดก อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เพื่อพบปะและให้กำลังใจประชาชน รวมถึงชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดน
ทันทีที่เดินทางมาถึง ภูมิธรรมได้สอบถามถึงสถานการณ์ในพื้นที่ และทักทายประชาชนบางส่วนที่ยอมรับว่าไม่ได้อพยพออกจากบ้านเรือน เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สิน ก่อนที่จะรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์จากนายอำเภอพนมดงรัก
ภูมิธรรมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันดูแลประชาชน รวมถึง ชรบ. กว่า 600 คน ที่มีความเสียสละอย่างสูงในการดูแลบ้านเรือน แม้ไม่มีค่าตอบแทน โดยถือเป็นเกียรติยศและเป็นบุญคุณของประเทศ พร้อมเผยว่าได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน 4 จังหวัด และมั่นใจว่าการเจรจาได้บรรลุผลในขั้นที่ 2 ทำให้สถานการณ์หยุดยิงลงได้ แต่ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ยังได้กล่าวชื่นชมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารในฐานะแนวหน้า และขอบคุณกระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลประชาชนในพื้นที่แนวหลัง รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและปลัดจังหวัดที่สั่งการอย่างรวดเร็วเพื่อดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด แม้จะมีข้อบกพร่องบ้าง แต่ก็จะเร่งแก้ไขปัญหา
ภูมิธรรมได้กล่าวถึงการเยี่ยมชมโรงพยาบาลพนมดงรัก และชื่นชมแพทย์ทั้ง 7 ท่านที่อยู่ดูแลผู้ป่วยจนวินาทีสุดท้าย และได้ย้ำว่ารัฐบาลมีความห่วงใยในการดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และประชาชน โดยเฉพาะด้านสุขภาพจิต ซึ่งกรมสุขภาพจิตจะเข้ามาดูแลอย่างเต็มที่
ในส่วนของ ชรบ. ภูมิธรรมกล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยจะดูแลอย่างเต็มที่ และจะนำเรื่องการพิจารณาค่าตอบแทนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารหน้า หากไม่มีอะไรผิดพลาด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้เสียสละทุกคน
ภูมิธรรมย้ำว่ารัฐบาลยึดมั่นในอธิปไตยของชาติ และข้าราชการทุกหน่วยพร้อมทำงานอย่างเข้มแข็งเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน พร้อมเตือนประชาชนให้ระมัดระวังและปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เนื่องจากยังมีลูกระเบิดอีกกว่า 10 ลูกที่ยังไม่ได้เก็บกู้
ท้ายที่สุด ภูมิธรรมกล่าวว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อเก็บหลักฐานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนและโรงพยาบาล เพื่อยืนยันว่าประชาชนไทยถูกละเมิดโดยรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อ