แม่ทัพภาคที่ 2 เดินสาย พบนิสิต ม.เกษตรฯ เล่าเรื่องจริงจากชายแดน
“มทภ.2” บุก ม.เกษตรฯ พบ FC ชี้ชายแดนปะทะรอบ 2 ขึ้นอยู่ผู้นำกัมพูชา ลั่น ทำดีที่สุดก่อนเกษียณ ยัน ผลประโยชน์ชาติต้องมาก่อน ย้ำคนเจรจาต้องทันเกม อย่าให้เสียเปรียบ รับน้อยใจถูกถามทหารมีไว้ทำไม
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีย์กุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พบบุคลากร และนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมสนทนาพิเศษ “เรื่องจริงจากชายแดน” โดยมีผู้ร่วมงาน ทั้ง นิสิตปัจจุบัน และนิสิตเก่า บุคลากร เต็มความจุล้นออกจากห้องประชุม
พล.ท.บุญสิน กล่าวตอนหนึ่งว่า การสู้รบ5วัน นับตั้งอต่วันที่ 24 -28 ก.ค. ที่ตนพูดตั้งแต่ครั้งแรกว่าเราพร้อม จำเป็นต้องมีการปะทะ เพราะเราปิดปราสาทตาเมือนธม ถ้าไม่ปิดประชาชน 2 ประเทศจะฆ่ากันที่นั้น นี่คือสิ่งที่เราทำดีที่สุดแล้วในกรอบระยะเวลาที่มีอยู่เอาแผ่นดินคืนมาได้เท่าที่มีอยู่ แลกกับน้องๆที่เสียสละเลือดเนื้อ
“มีใครรู้ไหม ว่าอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวเขาบ้าง น้องที่ขาขาดดมยาสลบตื่นขึ้นมาพูดอยู่คำนึงว่า พวกเรายึดได้ไหมพี่ นี่คือสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริง เจ็บจริงและเสียชีวิตจริง เราทำดีที่สุดแล้วมันไม่ง่ายไม่ใช่เดินไปแล้วปักธง เขาก็มีปืนปืนใหญ่ จรวด ผมต้องขอชื่นชมและสดุดีวิญญาณที่พลีชีพเพื่อชาติ และบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงประชาชนที่สูญเสียในห้วงดังกล่าว”พลโทบุญสิน กล่าว
จากนั้น พล.ท.บุญสิน ตอบคำถามนักศึกษาเรื่องความท้าทายภารกิจการดูแลชายแดนว่า ไทยและกัมพูชาต่างฝ่ายต่างคิดว่าแผ่นดินนี้เป็นของตัวเอง เป็นความยากที่สองประเทศคุยกันไม่รู้เรื่อง นำไปสู่ความขัดแย้ง ด้วยการใช้อาวุธ จะสังเกตุเห็นว่าในยุโรปเขาคุยกันรู้เรื่อง มีแต่สองประเทศนี้ที่ทะเลาะกัน
“วันดีคืนดีก็มาบอกว่า 3 ปราสาท 1 พื้นที่ เป็นของข้าพเจ้า มันจะเป็นได้อย่างไร ก็กูอยู่ของกูอย่างนี้มานานแล้ว ตามที่พูดไป มันไม่ได้ ถ้าจะเอากำลังมาขู่ไม่ได้ ขู่ก็สวนกันเท่านั้นแหละ แต่ถ้าจะเอาอีก ก็ไม่ได้เหมือนกัน ก็สวนกันอีกเหมือนกันปัจจุบันก็พร้อม คุยกันดีๆก็ได้ ไม่คุยกันดีๆก็ได้ รัฐบาลก็คุยกับรัฐบาล ผมก็คุยกับแม่ทัพกัมพูชา ผมก็ตัดสินใจได้ ถ้าลูกน้องผมตายผมก็มีสิทธิ์ป้องกัน เพราะฉะนั้นมันยากตรงที่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งอยากได้แผ่นดิน เราไม่ยอม บางพื้นที่ที่เขาล้ำขึ้นมา เราก็ไม่ยอม” พลโทบุญสิน กล่าวและว่า
ยกตัวอย่าง ภูมะเขือ เราใช้กำลังเอาคืนมาได้ ชื่นชมน้องๆทหารที่ทำหน้าที่เอาคืนจุดนี้มาให้พวกเราขอสดุดีวีรกรรมพวกเขาทั้งหลาย ที่ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างยิ่งยวดทหารไทยไม่ได้น้อยหน้าใคร
พล.ท.บุญสิน กล่าวอีกว่า ภารกิจที่สร้างแรงกดดัน ที่ต้องตัดสินใจเสี้ยววินาที ระหว่างการรบกับการรอ การเจรจากับการยืนหยัด ตนถูกด่าขนานหนัก ลูกน้องขาขาด ทำไมไม่บุก ไม่ยิง บางครั้งบริบทการรับผิดชอบมันไม่ได้มีอยู่แค่นั้นแต่บริบทอื่น เช่น เศรษฐกิจ สังคม การเปิดสงครามประเทศชาติจะเกิดอะไรขึ้น จะเหมาะสมหรือไม่ในช่วงเวลานั้น หากไปทะเลาะเวลานั้นเหมือนไปรังแก จะถูกทั่วโลกประนามใช่หรือไม่ ต้องคิดหลายอย่าง หากปะทะกันจะเกิดอะไรขึ้น 15 ชีวิตนี้เป็นหม้ายทันที มันคุ้มแล้วใช่หรือไม่ คุ้มกับแผ่นดินใช่ แต่อย่างอื่นคุ้มหรือไม่
“ใช้ความดุอย่างเดียว แต่ไร้ความคิด ไม่รอบคอบในการตัดสินใจอันตรายมาก จะกลายเป็นเผด็จการ และประเทศไทยจะถูกทั่วโลก ประณามทันที แต่กรณีที่ที่ผ่านมาเหมาะสมแล้ว เพราะเขายิงเราก่อน วันนั้นวัยรุ่น ไปเจอกันที่ปราสาทตาเมือนธม การตัดสินใจที่ลำบากที่สุด เพราะถ้าปิดยิงกันแน่นอน เพราะเขาไม่ให้ปิด ตีหนึ่งรายงานผู้บังคับบัญชาขออนุญาตปิด ปิดตีสองตื่นเช้ามาเขาก็ยิงเราก่อน เพราะเขาบอกว่าเราปิดประเทศเขา แต่กูก็ปิดประเทศของกูเหมือนกัน จึงเป็นที่มาของสี่คืนห้าวัน และได้คืนมาในหลายตารางกิโลเมตร ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในแผนงานที่วางไว้หมดแล้ว แม่ทัพไม่ใช่แม่ทัพที่ใช้อารมณ์ทุกอย่างวางแผนไว้ วิชาที่ได้ร่ำเรียนมา ได้ใช้เพื่อบ้านเมือง ผมขอยืนยันกับประชาชนทุกคน”
พล.ท.บุญสิน กล่าวย้ำว่า หากรอแล้วผลประโยชน์ของชาติมาก่อน เราก็ต้องรอ แม้จะสูญเสียเราก็ต้องยอมรับ เพราะนี่แผ่นดิน ที่บรรพบุรุษเราสละเลือดเนื้อ ถ้าเจรจาแล้วเราเสียผลประโยชน์ เราต้องยืนหยัดไม่เจรจา เจรจาแล้วเสียเปรียบก็อย่าไปเจรจา ไม่ยอมรับกับข้อเสนอ ดังนั้นผู้เจรจาจะต้องทันเกม รู้ว่าเราต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เสียแผ่นดินนี้ การเจรจาที่เราเสียเปรียบเราต้องยืนหยัดไม่ยอมรับ เหมือนที่เขาจะขึ้นศาลโลก ทางรัฐบาลก็ยืนยันว่าเราไม่ยอมรับมติศาลโลก มีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมรับ รื้อลวดหนามเราก็ไม่รื้อ เพราะเป็นแนวประชาธิปไตยของเรา แต่หากไม่ยอมรับจะมาใช้กำลัง ก็มาเจอกัน เท่านั้น ต้องมีความเด็ดขาด อยู่บนผลประโยชน์ของชาติ
ทั้งนี้การตัดสินใจมีผลต่อความพร้อมและการตัดสินใจที่ลำบากที่สุดคือชีวิต และผู้บาดเจ็บ แต่ต้องทำเพราะมันคือความเป็นเอกภาพของประเทศไทย และศักดิ์ศรีของประชาชนคนไทยทุกคน
“หลายคนถามว่ามีทหารไว้ทำไม ผมบอก เป็นคำถามที่ ทำให้ทหารน้อยใจจริงๆ ผมน้อยใจ และเสียใจจริงๆไปตอบโต้ก็ไม่ได้ เห็นได้ว่าสมรภูมิที่ผ่านมาฝึกมาทั้งชีวิต รับราชการมาจนจะเกษียณ เพิ่งได้รบวันนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดการรบกันเมื่อไหร่ บางคนบอกว่าทหารไม่ต้องฝึกมากหรอก ขอย้ำว่าไม่ได้ฝึกกันง่ายๆ ทั้งความอดทน เทคนิคการใช้อาวุธ ต้องสั่งสมไว้ปฏิบัติทันทีเมื่อมีเหตุการณ์ ช่วงไม่รบก็ฝึก และช่วยชาวบ้าน นี่ไง ทหารมีไว้ทำไม เมื่อบ้านเมืองสงบ เราช่วยพัฒนาประเทศ รักษาความสงบเรียบร้อยภายใน ปราบยาเสพติด สาธารณภัย ห้วงฝึก ก็ต้องฝึกประจำ”
พล.ท.บุญสิน กล่าววว่า ฝากเยาวชน อย่าคบคนพาล คบเพื่อนที่ดี จะทำให้พ่อแม่เสียใจ ผู้อาวุโส ขอให้เป็นตัวอย่างที่ดีของลูกหลาน ซึ่งตนก็ทำหน้าที่นี้อยู่ ให้กับพี่น้องคนไทยที่มองตนอยู่ จะทำตัวให้ดีที่สุดให้ได้มากที่สุด จะเป็นคนหนึ่งที่อยู่กับคนไทยที่รักชาติและแผ่นดิน ซื่อสัตย์สุจริตต่อประเทศชาติ ทั้งนี้หากต้องเลือกหนึ่งคน ที่ไว้ใจที่สุด คนคนนั้นคือ ต้องเลือกคนดีมีคุณธรรมเสียสละ ไม่เอาเปรียบลูกน้อง ไม่เห็นแก่ตัว แม่ทัพพร้อมเป็นลูกน้องคนนั้นทันที แต่ถ้าเป็นคนชั่วไม่เป็น
พล.ท.บุญสิน ตอบคำถามสุดท้าย ที่ถามว่าชายแดนไทยกัมพูชา เสี่ยงปะทะอีกรอบหรือไม่ และหากปะทะจะสามารถยึดประสาทตาควายอำเภอพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้หรือไม่ ว่า ขึ้นอยู่กับผู้นำของกัมพูชาและท่าทีของทหารกัมพูชา ก้าวร้าวหรือไม่ กวนเราหรือไม่ หรือเริ่มก่อนหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น เรามีสิทธิ์ที่จะตอบโต้ และก็นั้นแหละเป็น ช่วงเวลาที่ยืนยันว่าเราจะทำให้ดีที่สุด ซึ่งจะมีเวลาไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. ตอนนี้ คิดอย่างเดียวว่าจะทำให้ที่สุด จนบางครั้งก็ลืมไปว่า เหลืออีกไม่กี่วันแล้วจะเกษียณ
ภายหลังจบการสนทนาบนเวที พล.ท.บุญสิน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee – RBC) พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 วันที่ 27ส.ค.นี้ ถ้าเจรจาแล้วไทยเสียเปรียบ และหากกัมพูชาไม่ตอบรับเงื่อนไขเก็บกู้ เราจะเสียบเปรียบหรือไม่ ว่า ถ้ากัมพูชาไม่ร่วมเก็บกู้ระเบิด เราก็จะบันทึกเฉพาะฝ่ายเรา ว่ากัมพูชาไม่ร่วมเก็บกู้ และรายงานไปที่ยูเอ็น เพื่อประท้วงต่อไป
เมื่อถามว่าการประชุม RBC ฝั่ง ทภ.1 ฝ่ายกัมพูชาตอบรับเก็บกู้ ฝั่ง ทภ.2 จะตอบรับด้วยหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ถ้าตอบรับจริงก็ดี ก็ต้องรอบวันนั้น
เมื่อถามย้ำว่าประเมินอย่างไรกับการเจรจา RBCวันที่ 27ส.ค.นี้ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า น่าจะราบรื่นดี แต่ต้องดูว่ามีเงื่อนไขที่เราต่อรองไปซึ่งเป็นเงื่อนไขหนัก ฝ่ายกัมพูชาอาจรับไว้ แล้วนำไปต่อรองกับหน่วยเหนือให้ดำเนินการพิจารณาอีกที
ส่วนพื้นที่ปราสาทตาควายจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยหรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ก็อยู่ในลักษณะนั้นก่อน เช่นเดียวกับปราสาทตาเมือนธม ก็อยู่แบบนี้
เมื่อถามกรณีที่ฝ่ายกัมพูชา ลอบวางทุ่น ได้มอบนโยบายอย่างไร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ให้ตอบโต้ เพราะถือว่ารุกล้ำอธิปไตย ซึ่งจะมีการยิงให้สัญญาณเตือนก่อน แต่ถ้ายังขัดขืนอยู่ก็ยิงเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากช่วงนี้ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน จะทำอย่างไร พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เราก็คงต้องตอบโต้
เมื่อถามถึงสถานการณ์ชายแดน ที่ฝ่ายกัมพูชา พยายามยิงปืนเล็กก่อกวน ทาง ทภ.2 จะมีคำสั่งอย่างไร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ถ้ายิงมาที่ฝ่ายเรา เราก็ตอบโต้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ตอนในของกัมพูชา ถ้ายิงมาแนวชายแดน หันปากกระบอกปืนมา เราก็ต้องยิงตอบโต้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แม่ทัพภาคที่ 2 เดินสาย พบนิสิต ม.เกษตรฯ เล่าเรื่องจริงจากชายแดน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th