“สีจิ้นผิงปลุกใจเยาวชนไม่ให้ลืมอดีตที่ถูกญี่ปุ่นย่ำยี”
“สีจิ้นผิงปลุกใจเยาวชนไม่ให้ลืมอดีตที่ถูกญี่ปุ่นย่ำยี”
โดย รศ.วิภา อุตมฉันท์
ประวัติศาสตร์ยุคใกล้ราว 100 ปีเศษมานี้ ญี่ปุ่นกับจีนทำสงครามครั้งใหญ่กัน 2 ครั้ง ครั้งแรกปี 1894 ในสมัยราชวงศ์ชิงตอนปลาย กองกำลังญี่ปุ่นเกือบ 4 ล้านคน บุกยึดคาบสมุทรเกาหลีซึ่งเป็นของจีนมานาน รวมทั้งไต้หวัน เกาะเผิงหู และคาบสมุทรเหลียวตง ราชวงศ์ชิงในขณะนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทาน ปล่อยให้ญี่ปุ่นยึดดินแดนของจีนไปอย่างง่ายดายในเวลาเพียง 1 ปี
ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นการรบครั้งใหญ่ระหว่างสาธารณรัฐจีนที่มีเจียงไคเช็คเป็นผู้นำ กับจักรวรรดินิยมญี่ปุ่นซึ่งเป็นฝ่ายอักษะ รับหน้าที่ปราบปรามโค่นล้มประเทศต่างๆ ในเอเชียบูรพา ประสานกับฝ่ายอักษะที่กำลังรุกรานอยู่ในที่อื่นๆ ตอนนั้นราชวงศ์ชิงถูกโค่นล้มไปแล้ว เจียงไคเช็คขึ้นมาเป็นผู้นำ ขณะเดียวกันพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ก่อตั้งขึ้นแล้วเช่นกันในปี 1921 ญี่ปุ่นหวังจะปราบปรามจีนให้อยู่หมัดในเวลาสั้นๆ แต่สงครามกลับยืดเยื้อไปถึง 8 ปี (1937-1945 คนจีนเรียกสงครามครั้งนี้กันจนติดปากว่า “ปาเหนียนคั่งจั้น” หรือสงครามต่อต้าน 8 ปี) ไม่น่าเชื่อว่าแม้ในระหว่างถูกต่างชาติรุกราน แต่เจียงไคเช็คกลับหวาดกลัวและเกลียดชัง พรรคคอมมิวนิสต์จีน (พคจ.) มากกว่าญี่ปุ่น ดังนั้น แทนที่จะทุ่มเทกำลังไปสู้กับญี่ปุ่น กลับหาทางปราบปราม พคจ.โดยถือเป็นศัตรูตัวสำคัญ ในสถานการณ์เช่นนี้การต้านทานกองทัพญี่ปุ่นจึงไปตกหนักอยู่กับ พคจ. ซึ่งยังอยู่ในสภาพเป็นกองจรยุทธ์ ได้พยายามรวบรวมกำลังและหาที่ปักหลักเป็นฐานที่มั่นต่อต้านญี่ปุ่น ช่วงแรก ได้อาศัยภูเขาจิ่งกังซาน มณฑลเจียงซี แถบตะวันตกเฉียงใต้เป็นฐานที่มั่นชั่วคราว แต่ต่อมาจิ่งกังซันต้านทานการรุกของญี่ปุ่นไม่ได้ พคจ.ต้องเดินทัพทางไกล ขึ้นเหนือไปปักหลัก ตั้งฐานที่มั่นใหม่ที่ เยนอาน มณฑลส่านซี
ภายหลังการรบอย่างดุเดือดอยู่ 8 ปี ในที่สุดฝ่ายอักษะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง จีนในฐานะ 1 ใน 4 ของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ต่อต้านญี่ปุ่นอย่างเด็ดเดี่ยว ได้รับเกียรติให้เป็น สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
สิ่งที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้สำหรับการรบกับญี่ปุ่นครั้งที่ 2 นี้ ก็คือ “เหตุการณ์สังหารโหดที่นานกิง” ตอนนั้นนานกิงเป็นเมืองหลวงของจีน ญี่ปุ่นมุ่งมั่นจะยึดนานกิงให้ได้ จึงใช้วิธีการทุกอย่างเยี่ยงสัตว์ป่าในการสังหารประชาชนโดยไม่คำนึงถึงมนุษยธรรมแม้แต่น้อย เช่น บังคับให้ชาวบ้านนับร้อยนับพันออกไปรวมตัวกันที่หลุมขนาดใหญ่ที่ขุดเตรียมไว้ แล้วใช้ปืนกลยิงกราด เสร็จแล้วก็ผลักให้ตกลงไปในหลุม กลบหลุมทิ้งโดยไม่สนใจว่าใครจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ส่วนผู้หญิงก็จะถูกทหารญี่ปุ่นข่มขืนอย่างป่าเถื่อนก่อนจะฆ่าทิ้ง นักประวัติศาสตร์ได้ประมาณการชาวจีนที่ถูกสังหารแบบล้างเผ่าพันธุ์ในเหตุการณ์ที่นานกิงครั้งนั้นว่าอยู่ที่ราว 300,000 คน แต่แล้วในที่สุด สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ยุติลง โดยฝ่ายอักษะเป็นฝ่ายแพ้ ญี่ปุ่นก็ต้องประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 1945
นับแต่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงขึ้นสู่อำนาจในสมัชชา พรรคฯครั้งที่ 18 เป็นต้นมา เขาจะจดจำวันเวลาที่ตรงกับวันรำลึกสงครามต่อต้านญี่ปุ่นในช่วงต่างๆ เช่น วันลุกขึ้นสู้ของประชาชาติจีน วันแห่งชัยชนะของสงครามต่อต้านญี่ปุ่น วันแห่งการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ที่นานกิง ฯลฯ เขากล่าวถึงความโหดร้ายเยี่ยงสัตว์ป่าของญี่ปุ่นว่า “เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความขมขื่นเคืองแค้น ทำให้ตะวันเดือด ดวงดาวเศร้าหมอง จักรวาลสะดุ้งสะเทือนไปทั่ว” ทุกที่ที่ สีฯไปเขาจะเดินเข้าไปทำพิธีบูชารำลึกผู้วายชนม์ ไปชมหอที่ระลึกบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่นานกิง สีฯได้ไปชมกำแพงที่รำลึกการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ที่แสนจะโหดเหี้ยมแล้วถามผู้รับผิดชอบว่า “ที่รวบรวมได้ที่นี่มีเท่าไหร่ จะค้นหาเพิ่มเติมอีกได้ไหม ใครเป็นทหารใครเป็นพลเรือน” สีฯยิงคำถามด้วยความสะเทือนใจเป็นชุดๆ ในโอกาสนี้เขาได้ไปพบกับอดีตนักรบซึ่งปัจจุบันมีอายุกว่า 100 ปีแล้วกล่าวชื่นชมความกล้าหาญของเขาว่า “ประชาชาติจีนเป็นประชาชาติที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งและมีพลังสร้างสรรค์ที่มหัศจรรย์ ขอแต่ให้เราสามัคคีกันให้แน่นแฟ้น ก็จะไม่มีความยากลำบากใดๆ ที่เราจะพิชิตไม่ได้”
วันที่ 7 ก.ค. ที่เพิ่งผ่านไป เป็นวันครบรอบ 88 ปีของการลุกขึ้นสู้ต่อต้านการรุกรานทั่วทั้งประชาชาติ สีฯได้เดินทางไปที่สนามที่ติดตั้งป้ายชื่อรำลึกการรบครั้งใหญ่ที่หยางฉวน มณฑลซันซี ได้วางพวงหรีดแสดงความเคารพต่อวีรชนที่สู้รบในครั้งนั้น ชมหอรำลึกการรบครั้งใหญ่ แล้วกล่าวว่า “พคจ. คือ เสาหลักในการต้านกระแสรุกราน การรบใหญ่ร้อยกรม ที่นี่ ได้แสดงให้โลกเห็นถึงพลังของพรรคฯ และจิตใจของประชาชนจีนทั้งประเทศ การรบจะโหดร้ายแค่ไหน พคจ.ก็จะยืนหยัดสู้รบ ไม่ยอมจำนน ยืนหยัดสามัคคี คัดค้านการแบ่งแยก ยืนหยัดก้าวไปข้างหน้า คัดค้านการถอยหลัง ร่วมกันกับทุกองค์กรทุกพรรคที่รักชาติ และประชาชนอันกว้างใหญ่สามัคคีกันสู้รบเพื่อส่วนรวม”
อนึ่ง สำนักข่าวซินหัวได้บันทึกคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และคำปลุกเร้าใจประชาชนของสีจิ้นผิง ไว้ เพื่อเตือนจิตเตือนใจเยาวชนรุ่นต่อๆ ไปทุกรุ่นไม่ให้ลืมเหตุการณ์อันขมขื่นในอดีตของชาติ