‘หวยเกษียณ’ พลิกชีวิตคนไทยให้ ‘แก่’ แต่ไม่จน
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่าง พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ… ซึ่งมีสาระสำคัญคือการเปิดทางให้มีสลาก กอช. หรือที่เรียกกันติดปากว่า หวยเกษียณ ด้วยคะแนนเสียง 427 เสียง ไม่เห็นชอบ 1 เสียง งดออกเสียง 3 ไม่ลงมติ 4 เสียง ซึ่งเป็นกฎหมายที่เห็นพ้องต้องกันทั้งฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้าน สะท้อนได้จากคะแนนโหวตที่ท่วมท้น
แนวคิดและที่มาของนโยบาย
พรรคเพื่อไทยระบุว่า แนวคิด หวยเกษียณ คือ ‘สลากออมทรัพย์รูปแบบใหม่’ ที่รัฐบาลออกแบบขึ้น โดยมีฐานคิดหลักมาจากการมองเห็นปัญหาสังคมของสังคมไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่เมื่อดูตัวเลขเงินฝากของคนไทย พบว่า กว่า 112 ล้านบัญชี หรือกว่า 80% ของผู้มีเงินฝาก มีเงินในบัญชีเฉลี่ยไม่ถึง 50,000 บาท และดัชนีความพร้อมเพื่อการเกษียณ พบว่า ตัวเลขความพร้อมด้านการเงิน ค่าเฉลี่ยของประเทศมีความพร้อมต่ำกว่า 40%
ตัวเลขจากรายงานของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ประจำปี 2023 พบว่า มีคนไทยประมาณ 21.9 ล้านคน ที่เสี่ยงโชคกับการพนันหวยใต้ดิน โดยมีเงินหมุนเวียนอยู่ในตลาดหวยใต้ดินในช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแทงหวยโดยตรงผ่านเจ้ามือ หรือคนเดินโพย การแทงผ่านเว็บพนัน หรือช่องทางออนไลน์ รวมกันแล้วมีมูลค่าสูงถึง 164,069 ล้านบาท
เมื่อนำข้อมูลสองตัวนี้มาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน รัฐบาลจึงมีแนวคิดเปลี่ยน ‘หวย’ จากเครื่องมือเสี่ยงโชค มาเป็นเครื่องมือสร้าง ‘เงินออมระยะยาว’ ซึ่งทุกบาททุกสตางค์ที่ซื้อหวย ไม่มีวันหาย และที่สำคัญเงินออมของประชาชนก้อนนี้จะถูกนำไปลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เมื่อถึงเวลาถอนเงินนอกจากจะมีเงินต้นครบถ้วน ยังมีเงินที่ได้จากการลงทุนเพิ่มมาด้วย และอยู่ในระดับสูงกว่าการฝากออมทรัพย์ทั่วไป
ใครซื้อหวยเกษียณได้บ้าง
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นได้กำหนดคุณสมบัติว่า ต้องเป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย ตั้งแต่อายุ 15 ปี เป็นต้นไป เลงทะเบียนแสดงตัวตนผูกบัญชีออมเงินในระบบ
อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีแนวคิดในการจำกัดปริมาณการซื้ออยู่ที่ 3,000 บาทต่อเดือน เพราะต้องการให้นโยบายนี้ยังเป็นเครื่องมือในการออมเงิน ไม่ใช่การพนัน
โดยนอกจากนี้การจำกัดปริมาณการซื้อ ยังถือเป็นการกระจายโอกาสลุ้นรางวัลอย่างเท่าเทียมกัน หมายความว่า คนมีเงินเดือน 1 ล้านบาท กับคนมีเงินเดือน 15,000 บาทมีโอกาสออม และโอกาสลุ้นได้สูงสุดเท่ากัน
เราจะซื้อหวยเกษียณได้อย่างไร
ข้อมูลจาก เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงรายละเอียดการของหวยเกษียณไว้ดังนี้
เป็นสลากขูดแบบดิจิทัล ใบละ 50 บาท
สามารถซื้อหวยเกษียณได้ทุกวัน ออกรางวัลทุกวันศุกร์เวลา 17.00 น.
ผู้ถูกรางวัลจะได้เงินรางวัลทันทีผ่านพร้อมเพย์ ซึ่งสามารถนำออกมาใช้ได้เลย
เงินค่าซื้อสลากทั้งหมดถูกเก็บเป็นเงินออมในบัญชีส่วนตัวของตนเอง แม้ว่าจะถูกรางวัลหรือไม่ก็ตาม
5.รางวัลของกำหนดดังนี้
-รางวัลที่ 1 (เป็นเลข 6 หลัก) รางวัล 1,000,000 บาท จำนวน 5 รางวัล
-รางวัลที่ 2 (เป็นเลขหน้า 3 ตัว และเลขท้าย 3 ตัว) รางวัล 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล
-รางวัลพิเศษ (แจ็คพอต) 1 รางวัล (ถ้ามี)
- หากในงวดใดที่รางวัลออกไม่หมด รางวัลที่ออกไม่หมดนั้นจะถูกทบยอดเป็นรางวัลพิเศษ (แจ็คพอต) ในงวดถัดไปทั้งหมดทันที
7.เงินค่าซื้อสลากทั้งหมดจะเป็นเงินออมของผู้ซื้อสลาก จะนำเงินส่งเข้าบัญชีเงินออมรายบุคคลกับ กอช.
เงินออมจะถูกจัดการอย่างไร และจะสามารถนำเงินมาใช้ได้เมื่อไหร่
เงินที่ซื้อหวยเกษียณ จะถูกบริหารจัดการโดย กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. โดยจะมีการนำไปลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market) ซึ่งมีอัตราความเสี่ยงที่ต่ำ มีการแยกบัญชีเฉพาะ และมีการกำกับดูแลโดยกระทรวงการคลังอย่างเข้มงวด
โดยเมื่ออายุครบ 60 ปี จะสามารถถอนเงินที่เคยใช้ซื้อสลากออกมาได้หมดทุกบาททุกสตางค์ รวมถึงส่วนของผลตอบแทนที่ได้จากการนำไปลงทุนของ กอช.
ส่วนผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี แล้วจะสามารถถอนได้ทุกๆ 5 ปี กรณีผู้ถือสลากเสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี เงินทั้งหมดจะถูกโอนไปยังผู้รับมรดก ซึ่งในขั้นตอนของการลงทะเบียนจะสามารถกำหนดได้ว่าใครจะเป็นผู้รับประโยชน์ในกรณีนี้
หวยเกษียณเริ่มเมื่อไหร่
ล่าสุดในวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมวุฒิสภาได้ลงมติเห็นชอบหลักการในวาระที่ 1 ร่าง พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ… ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 111 เสียง ไม่เห็นชอบ 1 เสียงงดออกเสียง 2 เสียง และตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณา 21 คน ก่อนจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3
โดยรัฐบาลคาดการณ์เบื้องต้นว่า จะสามารถขายหวยเกษียณหรือ สลาก กอช. งวดแรกได้ ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
ซึ่งหากสามารถเปิดขายได้จริงถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนมีเงินออม เพื่อเป็นหลักประกันวัยเกษียณให้กับคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบต่างๆ ทั้งข้าราชการหรือประกันสังคม
ก่อนหน้านี้เผ่าภูมิระบุว่า World Bank ชื่นชมว่านโยบายหวยเกษียณของไทย ‘น่าทึ่ง’ และยกให้นโยบายนี้เป็นโมเดลต้นแบบให้ประเทศอื่น เช่น ในเอเชียหรือแอฟริกา ที่มีสภาพปัญหาคล้ายกันกับไทยนำไปประยุกต์ใช้
อ้างอิง: