เปิดดีลโซลาร์อู่ตะเภา! ไฟแพงกว่าราคากลาง ส่อโยง 'บี.กริม' นั่งอนุกมธ.พลังงาน ขณะที่ สส.ปชน. แกล้งเป็นใบ้ หลังไม่คัดค้านซื้อไฟแพง
เปิดดีลโซลาร์อู่ตะเภา! ไฟแพงกว่าราคากลาง ส่อโยง 'บี.กริม' นั่งอนุกมธ.พลังงาน ขณะที่สนามบินยังไม่เสร็จ แต่ไฟฟ้าขายแล้วพบขายไฟ Solar 3.48 บาทต่อหน่วย แพงกว่า กพช. ซื้อ 2.16 บาทต่อหน่วย แพงกว่ากพช.เกือบบาท ด้าน สส.ปชน.แกล้งเป็นใบ้ทันที หลังไม่คัดค้านซื้อไฟแพง
วันที่ 22 ส.ค. 2568 ภายหลังจากการที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2568 ที่ผ่านมา ได้รับทราบการออกใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานให้แก่ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIMM หลังได้รับเลือกเป็นผู้ประกอบการระบบไฟฟ้าและน้ำเย็นในบริเวณที่ราชพัสดุพื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งจะต้องผลิตไฟฟ้าให้กับเอกชนคู่สัญญาที่ดำเนินโครงการพัฒนาสนามบิน และเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เสนอ
ทั้งนี้ จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า วันที่ 13 ก.พ. 2561 กพอ. ได้ออกประกาศเรื่องกำหนดเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) โดยกำหนดให้พื้นที่ 6,500 ไร่บริเวณสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จ.ระยอง เป็นเขตส่งเสริม EECa โดยกองทัพเรือ (ทร.) ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาผู้ผลิตสาธารณูปโภคส่วนกลางที่ต้องใช้ในพื้นที่ดังกล่าว เช่น ระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น เพื่อให้บริการแก่สนามบินและกิจการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของการพัฒนา EECa
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2562 กพอ. มีมติให้ ทร. จัดหาสาธารณูปโภคไฟฟ้าให้เพียงพอสำหรับทั้งโครงการสนามบินอู่ตะเภา โดยในระยะเริ่มต้นที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อยและมีไฟเหลือให้จำหน่ายให้กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2563 BGRIMM ได้รับเลือกเป็นผู้ประกอบการระบบไฟฟ้าและน้ำเย็นกำลังการผลิตสูงสุด 90 เมกะวัตต์ ในบริเวณที่ราชพัสดุพื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ซึ่งจะต้องผลิตไฟฟ้าให้กับเอกชนคู่สัญญาที่ดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินและเขตส่งเสริม EECa
โดย BGRIMM ต้องลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) แต่เนื่องด้วยการก่อสร้างสนามบินล่าช้า ทำให้ต้องเลื่อนออกไปก่อน แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2563 BGRIMM ลงนาม PPA ขายไฟส่วนที่เหลือกับกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ โดยมีโรงไฟฟ้า 2 ระบบ คือ ระบบผลิตไฟฟ้าและพลังงานร่วม (Co-generation) และระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) และเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2567 BGRIMM ได้ยื่นคำขอรับอนุญาตประกอบการพลังงานจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) กำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 18 เมกะวัตต์ เพื่อขายไฟฟ้าให้แก่กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ต่อ สกพอ. เสนอต่อ กพอ. พิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานตามมาตรา 37 (4) และมาตรา 43 (7) แห่ง พ.ร.บ. EEC โดยมีใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 1) ใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า 2) ใบอนุญาตประกอบกิจการจำหน่ายไฟฟ้า 3) ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน 4) ใบอนุญาตให้ผลิตพลังงานควบคุม (พค. 2) และ 5) ใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร
ต่อมา 27 มี.ค. 2568 BGRIMM ทำหนังสือแสดงเจตนารมณ์ขายไฟฟ้ากับกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ โดยมีเงื่อนไขคือ รับซื้อไฟโซลาร์ 15 เมกะวัตต์ มาใช้ภายในหน่วยงานสังกัดกองทัพเรือเท่านั้น และมีระยะเวลาซื้อขาย 25 ปีนับตั้งแต่วันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ราคาขายไฟฟ้าจากส่วนลด 15.16% จากอัตราค่าไฟลูกค้าตรงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ระดับแรงดัน 115 กิโลโวลต์ คิดเป็นประมาณ 3.48 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ BGRIMM จะเป็นผู้ก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าตั้งแต่โรงไฟฟ้าไปจนถึงสถานีไฟฟ้าของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ และเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 ที่ประชุม กพอ. มีมติให้ออกใบอนุญาตให้ BGRIMM ดำเนินธุรกิจพลังงานโซลาร์ในเขต EECa และวันที่ 19 ส.ค. 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบการออกใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานของ BGRIMM ตามที่ กพอ. เสนอ
แต่อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่ามติ กพอ. และสัญญาของกองทัพเรือระบุว่า ในระยะเริ่มต้นที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าโครงการสนามบินอู่ตะเภาน้อยและมีไฟเหลือให้จำหน่ายให้กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ซึ่งวัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือขายไฟฟ้าให้สนามบินอู่ตะเภาเป็นหลัก แต่ปัจจุบันโครงการสนามบินอู่ตะเภาก่อสร้างล่าช้ากว่าแผนจึงต้องเลื่อนออกไป เหตุใดจึงไม่ชะลอการดำเนินโครงการนี้ออกไปด้วย อีกทั้ง มีการกำหนดราคาขายไฟโซลาร์ให้กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรืออยู่ที่ 3.48 บาทต่อหน่วย ซึ่งแพงกว่าการรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) รอบล่าสุดที่ 2.16 บาทต่อหน่วย ขณะที่หลายฝ่ายจับตา สส.พรรคประชาชน ที่ผลักดันโครงสร้างค่าไฟโปร่งใสเป็นธรรม กลับไม่ได้มีการแสดงความคิดเห็นแต่อย่างไร ทั้งที่ในอดีต สส.เบญจา แสงจันทร์ เคยเรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่ว่ากิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือมีการขายไฟให้ประชาชนราคาสูงกว่าปกติ แถมคุณภาพไฟฟ้าก็ยังน่าเป็นห่วง เพราะหลายครั้งไฟมาแบบติด ๆ ดับ ๆ หรือเพราะครั้งนี้เป็นพวกเดียวกันจึงเงียบเป็นเป่าสาก
เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้บริหาร BGRIM ตบเท้าเป็นอนุกรรมมาธิการพลังงาน ซึ่งประกอบด้วย 1) นายโพธิ์ บุญศิริ Senior Vice President บริษัท บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด (ปี 2567) รองประธานคณะอนุกรรมาธิการคนที่ 3 คณะอนุกรรมาธิการศึกษาราคาพลังงานและเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างการแข่งขันด้านพลังงาน 2) นายอรุณพันธ์ ภู่ทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานพัฒนาธุรกิจ 2 และธุรกิจ LNG บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (ปี 2565) อนุกรรมาธิการและที่ปรึกษา และ 3) นายดอน ทยาทาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวิศวกรรม เทคโนโลยี และพัฒนาโครงการ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบัน) อนุกรรมาธิการและที่ปรึกษา