‘Alicia Keys-ชานยอล-ลำไย’ เสิร์ฟความสุขแห่งดนตรีใน ‘SUMMER SONIC BANGKOK 2025’
ท่ามกลางความร้อนแรงของกรุงเทพฯ ในกลางฤดูร้อน บรรยากาศกลับถูกปลุกให้คุกรุ่นยิ่งขึ้น เมื่อผู้ชมหลายหมื่นชีวิตมารวมตัวกันเพื่อสัมผัสพลังของ “ดนตรี” ที่เชื่อมโยงผู้คนข้ามพรมแดนและภาษาอย่างไร้ข้อจำกัด พร้อมการกลับมาเป็นครั้งที่ 2 ของ“SUMMER SONIC BANGKOK” ที่ได้สร้างปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนทั้งกรุงเทพฯ ให้กลายเป็น “เมืองแห่งเทศกาล” อย่างแท้จริง พร้อมตอกย้ำจุดยืนในฐานะ “เฟสติวัลระดับโลกจากญี่ปุ่นและเอเชีย” ที่ทรงพลังและน่าจับตามอง
สุดสัปดาห์นั้น กรุงเทพฯ ถูกโอบล้อมด้วยพลังของ SUMMER SONIC บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จอ LED ขนาดมหึมาติดตั้งด้านนอกส่องแสงเชื้อเชิญผู้คนจากทั่วโลกให้เข้ามาสัมผัสโลกแห่งเสียงเพลง ตั้งแต่ก่อนประตูเปิด คลื่นมหาชนจากทั้งไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่งาน ภายในฮอลล์ ความมีชีวิตชีวาเริ่มต้นทันทีที่สายตาสัมผัสกับ บูธ ARTIST MERCHANDISE ขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยสินค้าทั้งออฟฟิเชียลและของที่ระลึกจากศิลปินมากมาย
บริเวณรอบฮอลล์เต็มไปด้วยบูธผู้สนับสนุนจากทั้งในและต่างประเทศ พร้อมโซนอาหารและพื้นที่พักผ่อนที่ตกแต่งอย่างสวยงามสำหรับแฟน ๆ ที่ต้องการชาร์จพลังระหว่างคอนเสิร์ต บรรยากาศเป็นกันเองอย่างเต็มที่—ทั้งเพื่อน ๆ ที่ยกแก้วชนกัน ครอบครัวที่นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน และผู้คนที่พูดคุยแลกเปลี่ยนรอยยิ้มกันรอบงาน ราวกับกรุงเทพฯ ถูกเนรมิตให้กลายเป็นเมืองแห่งดนตรีโดยสมบูรณ์ ในโซน VVIP และ VIP มีการจัดพื้นที่อย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่หรูหราและเป็นส่วนตัวสำหรับผู้เข้าชม พร้อมด้วยศิลปะไทยที่ประดับอยู่ทั่วบริเวณ ตั้งแต่ รถตุ๊กตุ๊กสีสันสดใส ไปจนถึง โลโก้ขนาดยักษ์ของ SUMMER SONIC BANGKOK 2025 ซึ่งกลายเป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมสำหรับการถ่ายภาพ
หนึ่งในจุดที่โดดเด่นที่สุดคือ หอคอยตกแต่งด้วยอักษรญี่ปุ่น “サマーソニック” (ซัมเมอร์โซนิค) ที่ตั้งตระหง่านกลางงาน เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองพลัง Soft Power ไทย ที่ได้รับการสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) และยังสะท้อนถึงความสำเร็จของ “เทศกาลจากญี่ปุ่นในต่างแดน” ที่ทรงพลังและสง่างาม
ก่อนเริ่มการแสดง ความคึกคักเต็มไปทั่วพื้นที่ ผู้คนเดินขวักไขว่พร้อมถุงของที่ระลึกและรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้น บรรยากาศถูกแปลงโฉมให้กลายเป็น “ธีมพาร์กแห่งเสียงดนตรีและการเฉลิมฉลอง” อย่างแท้จริง เริ่มวันแรกวันที่ 23 สิงหาคม 2025 บรรยากาศถูกปลุกให้ลุกโชนตั้งแต่วินาทีแรกที่งานเริ่มต้น เมื่อศิลปินนับสิบจากทั่วโลกและเอเชียรวมพลังกันสร้างค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์ที่ตราตรึงใจแฟนเพลงทุกคน เสียงเชียร์กระหึ่มเมื่อHITGS ขึ้นเปิดเวทีหลักของวันแรก ทันทีที่ดนตรีเริ่มขึ้น พลังความสดใหม่และซาวด์ที่เต็มไปด้วยความไดนามิกได้ดึงผู้ชมเข้าสู่ “โหมดเฟสติวัล” อย่างเต็มตัว การแสดงของพวกเธอเต็มไปด้วยความเยาว์วัยและพลังงาน จนกลายเป็นการเปิดฉาก SUMMER SONIC BANGKOK อย่างสมบูรณ์แบบ
ต่อด้วยโลกเหนือจริงของKIKUO ที่พาผู้ชมเข้าสู่ห้วงดนตรีเหนือจินตนาการ ผ่านซาวด์ล่องลอยและภาพวิชวลที่ซิงค์อย่างลงตัว ทำให้ฮอลล์ทั้งฮอลล์เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ใน “เขตแดนระหว่างความฝันและความจริง” สร้างช่วงเวลาที่ผู้ชมแทบลืมหายใจ จากนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนโทนทันทีเมื่อวงBUS because of you i shine ขึ้นเวทีด้วยโชว์สุดพลังจากสมาชิกทั้ง 12 คน การร้องประสานเสียงที่หลากหลายผสมเข้ากับท่าเต้นแบบเพอร์ฟอร์แมนซ์กรุ๊ปสุดแน่นหนา ทำให้เวทีสว่างไสวราวกับคาลิโดสโคป ผู้ชมลุกขึ้นยืนปรบมือและส่งเสียงเชียร์อย่างพร้อมเพรียง ทำให้บรรยากาศความมันส์พุ่งถึงขีดสุดตั้งแต่ต้นงาน
พลังความร้อนแรงยังต่อเนื่องกับการปรากฏตัวของ BAND-MAID ที่มาในชุดเมดสุดไอคอนิก แต่สิ่งที่ออกมาจากเวทีกลับเป็นซาวด์ร็อกจัดจ้าน เสียงกีตาร์และกลองที่กระแทกใจ ทำให้ทั้งฮอลล์ตกอยู่ในมนตร์สะกด ความคิ้วท์ภายนอกผสานกับความแข็งกร้าวของซาวด์ได้อย่างลงตัว พร้อมโซโล่กีตาร์และเบสที่เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอลล์
พลังของงานถูกขับเคลื่อนต่อด้วยโชว์จาก Creepy Nuts คู่ดูโอ้ระดับตำนานจากญี่ปุ่น การปรากฏตัวของDJ Matsunaga เจ้าของสถิติโลกในการสแครชแผ่นเสียง และ R-Shitei แรปเปอร์ตัวท็อป ทำให้ฮอลล์ทั้งฮอลล์ลุกเป็นไฟ เสียงบีตที่ซับซ้อนและฟลว์ที่คมกริบดึงผู้ชมเข้าสู่โลกของพวกเขาแบบไร้กำแพงภาษา จนฮอลล์ทั้งฮอลล์กลายเป็นคลับขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงร้องตาม และการเต้นไปพร้อมกัน
พลังถูกส่งต่อไปยัง 21 Savage ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกจากแอตแลนตา เมื่อบีตแรกดังขึ้น ฮอลล์ทั้งฮอลล์ระเบิดออกด้วยเสียงเชียร์ ดนตรีฮิปฮอปอันเข้มข้นและสไตล์มินิมอลที่เฉียบคมทำให้พลังของเขาโดดเด่นแบบไร้ข้อกังขา
ปิดท้ายค่ำคืนด้วยเฮดไลเนอร์ระดับตำนาน BLACK EYED PEAS เสียงอินโทรของ “I Gotta Feeling” ดังขึ้น ฮอลล์ทั้งฮอลล์กลายเป็นคลับขนาดยักษ์ที่สั่นสะเทือนด้วยเสียงกรี๊ดและเบสที่กระหึ่มไปทั่ว ผู้ชมกระโดดพร้อมกันราวกับคลื่นทะเล เสียงร้องประสานใน“Pump It” ดังกึกก้อง และเมื่อเข้าสู่เพลงรักอมตะ เสียงร้องจากแฟน ๆ ต่างชาติ ต่างวัย ต่างภาษา ก็ดังกังวานเป็นหนึ่งเดียวราวกับคำอธิษฐานของค่ำคืน นี่คือการเฉลิมฉลอง “พลังของดนตรีที่ไร้พรมแดน” อย่างแท้จริง
วันที่ 24 สิงหาคม 2025 คือวันแห่งการเฉลิมฉลองดนตรีที่แท้จริง เมื่อศิลปินชั้นนำจากไทย เอเชีย และทั่วโลก ร่วมสร้างประสบการณ์ที่แฟนเพลงหลายหมื่นคนจะไม่มีวันลืม งานวันสุดท้ายนี้คือการผสมผสานพลังวัฒนธรรม เสียงเพลง และความรู้สึกที่ข้ามพรมแดนอย่างสมบูรณ์แบบ
เปิดเวทีวันสุดท้ายด้วย ลำไย ไหทองคำ ศิลปินลูกทุ่งไทยรุ่นใหม่ที่สร้างความประทับใจให้แฟนเพลงจากทั่วโลก ด้วยเสียงร้องที่ผสมผสานเสน่ห์ของ ลูกทุ่งและหมอลำดั้งเดิม เข้ากับการเรียบเรียงแบบสมัยใหม่อย่างลงตัว พร้อมโชว์สุดพลังที่มาพร้อมชุดการแสดงตระการตาและทีมแดนเซอร์เต็มเวที เธอได้พิสูจน์ให้เห็นว่า “พลัง Soft Power ไทย” สามารถเปล่งประกายบนเวทีโลกได้อย่างแท้จริง ต่อด้วยการปรากฏตัวของ KickFlip บอยแบนด์น้องใหม่ 7 คนจากเกาหลีใต้ ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการท้าทาย ชุดการเต้นที่คมชัด เสียงร้องที่สดใส และเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่สมบูรณ์แบบทำให้ผู้ชมทั้งฮอลล์ลุกขึ้นร่วมจังหวะตั้งแต่ช่วงต้นงาน ถ่ายทอดพลังของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมก้าวสู่อนาคต
ที่ THONBURI STAGE ความร้อนแรงไม่แพ้กัน Timmy Xu & Prome พาผู้ชมเข้าสู่โลกของซาวด์ร็อกสุดพลัง ผสานการแสดงอันเต็มไปด้วยเสน่ห์ ทำให้เวทีเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็น “เฟสติวัลระดับนานาชาติ” อย่างแท้จริง ต่อด้วยโชว์จาก LET ME KNOW วงร็อกอินดี้จากญี่ปุ่นที่กำลังมาแรงในเอเชีย ด้วยกีตาร์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ดนตรีที่คมชัด และเสียงร้องที่บาดลึก สร้างโมเมนต์ทรงพลังที่สะกดผู้ชมไว้ในทุกจังหวะ ดนตรีของพวกเขาคือ“Nostalgic Modern” ที่กำลังเป็นคลื่นลูกใหม่ซึ่งกำลังแผ่ขยายไปทั่วเอเชีย
เข้าสู่ช่วงบ่าย BE:FIRST บอยแบนด์ตัวแทนจากญี่ปุ่นผู้สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกปรากฏตัวบนเวทีหลัก เสียงร้องเฉียบคม การเต้นที่สมบูรณ์แบบ และเสน่ห์ของซูเปอร์สตาร์ทำให้ผู้ชมทั้งฮอลล์สะกดสายตาตลอดโชว์ เพลงของพวกเขาที่สลับระหว่างภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น สื่อสารถึงหัวใจของแฟน ๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต่อด้วยศิลปินไทยJeff Satur ที่สร้างโมเมนต์สุดอบอุ่นในค่ำคืนนี้ เสียงร้องที่เต็มไปด้วยอารมณ์และท่วงทำนองที่ลุ่มลึก ทำให้ผู้ชมหลายพันคนชูไฟจากสมาร์ทโฟนขึ้นเหนือศีรษะ สร้างภาพบรรยากาศราวกับ “ทะเลแห่งดวงดาว” ที่ตราตรึงใจ พลังยังคงต่อเนื่องกับการปรากฏตัวของThe Rose วงร็อกจากเกาหลีใต้ที่กำลังเติบโตบนเวทีโลก ดนตรีของพวกเขาเต็มไปด้วยความไพเราะและพลังดิบที่สร้างการเชื่อมโยงกับผู้ชมอย่างลึกซึ้ง เสียงร้องประสานจากแฟนเพลงทั่วทั้งฮอลล์ทำให้ช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยพลังของการรวมใจ
เมื่อค่ำเข้ามา เสียงกรี๊ดดังลั่นทันทีที่ BABYMETAL ขึ้นเวที พลังของเสียงกีตาร์เมทัลและจังหวะดรัมที่หนักแน่น ผสานเข้ากับท่าเต้นแบบซิงโครไนซ์สุดสมบูรณ์แบบ ทำให้ทั้งฮอลล์ถูกพัดเข้าสู่ “เฮดแบงกิ้งโหมด” ในพริบตา นี่คือการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะเมนแอคต์ของ SUMMER SONIC BANGKOK ต่อด้วย CHANYEOL จาก EXO ที่สร้างฟีลลิ่งอบอุ่นผ่านการพูดคุยเป็นกันเองกับแฟน ๆ ก่อนจะปล่อยโชว์ที่ผสมผสานทั้งการแร็ปและบัลลาดเข้าด้วยกันอย่างไร้ที่ติ ความหลากหลายและเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้เสียงเชียร์ดังกึกก้องตลอดการแสดง
ความร้อนแรงพุ่งสู่ขีดสุดเมื่อ Camila Cabello ปรากฏตัวบนเวที แค่เสียงอินโทรเพลง“Havana” ดังขึ้น ฮอลล์ทั้งฮอลล์ก็ลุกเป็นไฟ ต่อด้วย “Señorita” และเพลงฮิตระดับโลกอีกมากมาย พลังความสนุกแบบละตินแพร่กระจายไปทั่ว ทำให้ผู้ชมทั้งฮอลล์เปลี่ยนเป็นฟลอร์เต้นรำขนาดยักษ์ โมเมนต์ที่เธอลงจากเวทีเพื่อสัมผัสมือแฟน ๆ ทีละคน สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความใกล้ชิดที่ยากจะลืม
ปิดท้ายวันสุดท้ายของ SUMMER SONIC BANGKOK 2025 ด้วยเฮดไลเนอร์ระดับโลก Alicia Keys เสียงเปียโนอันทรงพลังของเธอเปิดอินโทรเพลง“If I Ain’t Got You” ทำให้ทั้งฮอลล์เงียบลงอย่างพร้อมเพรียง ราวกับเวลาหยุดนิ่ง เสียงร้องที่เต็มไปด้วยวิญญาณของ Alicia สะกดผู้ชมทุกคนในฮอลล์เมื่อเข้าสู่เพลง “Empire State of Mind” ภาพมหานครนิวยอร์กซ้อนทับเข้ากับค่ำคืนของกรุงเทพฯ สร้างความรู้สึกเชื่อมโยงอันทรงพลัง และในจุดพีคของโชว์MILLI ศิลปินหญิงไทยมากความสามารถปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญพิเศษ จุดไฟเสียงเชียร์จากแฟน ๆ ให้ดังกึกก้องทั่วฮอลล์
บทสรุปของค่ำคืนนี้ปิดฉากด้วยเพลง “No One” ซึ่งแฟน ๆ ทั้งฮอลล์ร้องตามพร้อมกันจนกลายเป็นคอรัสขนาดใหญ่ที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยพลังน้ำตา การปรากฏตัวของ Alicia Keys ในครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความทรงจำที่ยากจะลืม แต่ยังตอกย้ำให้เห็นว่า SUMMER SONIC BANGKOK คือเทศกาลที่สามารถเชื่อมผู้คนข้ามพรมแดนด้วยเสียงดนตรีอย่างแท้จริง
พลังความมันส์ตลอดสองวันนี้ ได้ตอกย้ำให้เห็นว่า กรุงเทพฯ ได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่างแท้จริง ด้วยการรวมพลังของศิลปินระดับนานาชาติ ศิลปินเอเชีย และศิลปินไทยไว้บนเวทีเดียว เสียงดนตรีในครั้งนี้ไม่ได้เพียงสร้างความสนุกและความทรงจำ แต่ยังสะท้อน “พลังที่ไร้พรมแดน” ของดนตรีที่เชื่อมใจผู้คนจากทั่วโลกให้เป็นหนึ่งเดียว!