โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

“ณัฐพงษ์” ชี้งบประมาณ 69 คิดไม่รอบ-ไม่ลึก ไม่แก้สองสงคราม-สองวิกฤต ที่ไทยกำลังเผชิญ ถึงเวลาปฏิรูประบบงบประมาณใหม่ เป็นงบที่สร้างอนาคตให้ประเทศ

WeR NEWS

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วันที่ 13 สิงหาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2569 วาระที่ 2 และ 3 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน ได้อภิปรายแปรญัตติในมาตรา 4 ภาพรวม ขอปรับลดงบประมาณลง 5%

โดยณัฐพงษ์ระบุว่าการจัดสรรงบประมาณในครั้งนี้เป็นการการจัดสรรที่คิดไม่รอบ คิดไม่ลึก งบลงทุนไม่ได้ถูกลงทุนไปเพื่อการสร้างอนาคตให้กับประเทศ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปรับลดกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 นี้ไว้ เพื่อประหยัดพื้นที่ทางการคลังไว้ลงทุนสร้างอนาคตให้กับประเทศในระยะยาว

ประเทศไทยกำลังเผชิญสองวิกฤตและสองสงคราม ทั้งวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ มีเรื่องกระบวนการนิติสงครามที่ทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพทางการเมือง รวมถึงสงครามทางการค้า แต่การแปรญัตติกลับเข้ามาของรัฐบาลในครั้งนี้กลับมองไม่เห็นเลยว่าได้มีการเตรียมงบประมาณสำหรับการรองรับสงครามการค้าอย่างไรบ้าง

ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่านี่เป็นข้อผิดพลาดของรัฐบาลที่แปรญัตติกลับมาไม่ตรงจุด ไม่ได้เตรียมเกราะป้องกันและสร้างการลงทุนที่เป็นอนาคตให้กับประเทศเอาไว้เลย ปีนี้กรรมาธิการวิสามัญสามารถปรับลดงบประมาณลงไปได้ 8,921 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.24% ของงบประมาณทั้งหมด ถึงแม้จะมากกว่าปีที่แล้วแต่ผลงานปีนี้ยังต่ำกว่ามาตรฐาน เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาสัดส่วนการปรับลดได้ในปีก่อนๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 0.44% สะท้อนว่าการทำหน้าที่ของกรรมการวิสามัญทำได้เพียงการตอดเล็กตอดน้อยเท่านั้น

การแปรญัตติกลับมาของรัฐบาลก็มีความน่าผิดหวัง แม้มีความพยายามปรับลดในส่วนของเงินลงทุน เช่น ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ที่ปรับลดลงไปถึงหนึ่งในสาม แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนการจัดสรรงบลงทุนไปเป็น “การลงทุนเพื่อสร้างอนาคต” ให้กับประเทศไทย เรายังเห็นการจัดสรรงบประมาณที่ขาดความรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง ยังมีการแปรญัตติกลับเข้ามาไปลงในส่วนของรายจ่ายประจำอื่น เช่น เงินเดือนของบุคลากรที่อยู่ในองค์กรอิสระและองค์การมหาชน ค่าประกันสุขภาพขององค์กรอิสระ เป็นต้น ทั้งที่รายจ่ายเหล่านี้ควรจะตั้งมาเต็มจำนวนตั้งแต่ร่างฯ ในวาระหนึ่งแล้ว ไม่ควรที่จะแปรญัตติกลับเข้ามาในวาระสอง ที่เกิดแบบนี้ขึ้นแปลว่าตอนที่ร่างฯ เข้าวาระหนึ่ง รัฐบาลไม่ได้รอบคอบในการทำให้ค่าใช้จ่ายประจำเหล่านี้ถูกตั้งเข้ามาอย่างเต็มจำนวนตามที่ควรจะเป็น

ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของงบลงทุนก็ยังน่าผิดหวัง เพราะงบลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิม เป็นงบประมาณสร้างตึก ตัดถนน ขุดคลอง ที่พรรคประชาชนได้ให้ข้อคิดเห็นไปตั้งแต่ในชั้นวาระที่หนึ่งแล้ว แต่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญจนมาถึงการแปรญัตติ ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลโยกงบประมาณไปลงทุนให้ถูกจุด เพิกเฉยต่อสองวิกฤตและสองสงครามที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศในปัจจุบัน โดยสรุปในภาพรวมร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีฉบับนี้ ที่ผ่านวาระที่สองมาแล้วยังดูเป็นงบประมาณที่ไม่ตอบโจทย์ประเทศ เกิดจากกระบวนการที่หูหนวก ตาบอด ขาดเข็มทิศ ขาดแผนที่ ที่รัฐบาลมีอำนาจบริหารสามารถแก้ไขได้แต่กลับไม่ลงมือแก้ไข

“หูหนวก” เพราะรัฐบาลไม่ฟังเสียงสภาเลยนอกจากการที่กรรมาธิการวิสามัญตัดเล็กตัดน้อยได้ไม่เกิน 1% ทุกปี ข้อสังเกตของกรรมาธิการวิสามัญที่ตั้งกันมาอย่างยากลำบากทุกปี ส่วนราชการปรับปรุงกลับมาโดยไม่มีการแก้ไขไส้ในเลย เห็นแต่เล่มรายงานที่หน่วยงานเขียนกลับมาแล้วว่าได้ดำเนินการตามข้อสังเกตแล้ว แต่เมื่อลงไปในรายละเอียดจะเห็นว่าโครงการต่างๆ หน้าตายังเหมือนเดิม นี่คือกระบวนการจัดทำงบประมาณที่เสียงของสภาไม่เคยมีความหมาย

ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่ากระบวนการงบประมาณนี้ยัง “ตาบอด” ตรงที่ไม่มีความโปร่งใส ยังมีเงินก้อนใหญ่อย่างเงินนอกงบประมาณที่อยู่นอกสายตาประชาชนและอยู่เหนือการตรวจสอบของสภา เช่น อาคาร สตง. ที่ถล่ม ที่เป็นเงินสะสมที่อยู่ตามองค์กรอิสระที่สภาไม่สามารถตรวจสอบได้โดยตรง งบประมาณการซื้อตึกสกายไนน์ในกองทุนประกันสังคมที่ซื้อแพงเกินจริง เป็นต้น

กระบวนการจัดทำงบประมาณยังขาดเข็มทิศ สะเปะสะปะไร้ทิศทาง ต่างคนต่างทำ งบลงทุนเป็นส่วนสำคัญที่จะหาทางออกให้กับประเทศได้ แต่กลับยังคงกระจุกตัวอยู่กับการสร้างตึก ตัดถนน และขุดคลอง กระบวนการจัดทำงบประมาณในปัจจุบันยังเป็นกระบวนการจัดทำงบประมาณที่ไร้แผนที่ มองไม่เห็นภาพรวม งบประมาณรายจ่ายประจำปีไม่ควรเป็นแค่เรื่องของงบประมาณรายจ่าย แต่ต้องดูฝั่งรายได้ด้วย หน่วยงานของรัฐมีรายได้อื่นที่ไม่ต้องส่งคืนคลังอีกมาก เช่น รัฐพาณิชย์ ธุรกิจกองทัพ และอีกหลายส่วนที่สภายังมองไม่เห็น รวมถึงภาระทางการคลังอื่นของรัฐด้วย

ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถ้าตนมีอำนาจในฝ่ายบริหาร ตนสามารถแก้ได้เกือบทุกเรื่องเพื่อให้งบประมาณฟังเสียงสภามากขึ้น ประชาชนมองเห็นไส้ในงบประมาณมากขึ้น มีทิศทางมากขึ้น เห็นสุขภาพทางการคลังภาพรวมของประเทศมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เราเรียกร้องให้มีการลงทุนอย่างถูกจุด แต่กลับกำลังมีการสร้างอาคารราชการใหญ่โตที่ไม่มีความจำเป็นรวมอีกกว่า 3 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ประชาชนคนไทยหลายคนประสบปัญหาอุทกภัย ปัญหาการปะทะกันตามแนวชายแดน ที่ส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจปากท้อง แต่กลับกำลังมีการจัดสรรงบประมาณไปจัดอีเวนต์รวมกันถึง 7,000 ล้านบาท ซึ่งน่าตั้งคำถามว่าจัดไปแล้วประชาชนได้ประโยชน์โดยตรงอะไรบ้าง

แล้วยังมีงบประมาณในการทำแอปพลิเคชันอีกมากมายเต็มไปหมด อย่างต่ำปีนี้ 2,500 ล้านบาท นอกจากแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการกว่า 400 แอปฯ แล้ว ยังมีแอปพลิเคชันระบบเบื้องหลังที่ส่วนราชการทำแล้วทำอีกอยู่อีกประมาณ 2,000 กว่าระบบ ยังไม่รวมในเรื่องของการใช้เงินในงบประมาณและเงินนอกงบประมาณที่มีความซ้ำซ้อน เช่น งบประมาณในการปลูกป่าที่ กฟผ. และรัฐวิสาหกิจมีงบประมาณในการปลูกป่าซ้ำซ้อนกับกรมป่าไม้

ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าถ้าประเทศไทยไม่ปฏิรูประบบงบประมาณ ที่รัฐบาลมีอำนาจฝ่ายบริหารในการลงมือทำได้ทันทีโดยไม่ต้องแก้กฎหมาย ก็ไม่มีวันที่รัฐจะมองเห็นเงินในทุกกระเป๋าที่หน่วยงานของรัฐถืออยู่ ไม่มีวันที่จะบูรณาการการใช้จ่ายเงินแผ่นดินต่างๆ ให้พุ่งเป้ามีทิศทางได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

วันนี้สิ่งที่เศรษฐกิจไทยต้องการคือเม็ดเงินลงทุนใหม่ แต่ต้องเป็นเม็ดเงินลงทุนที่สร้างการเติบโตให้กับประเทศในอนาคตและทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ ไม่ใช่เม็ดเงินลงทุนที่กระจุกตัวอยู่กับผู้ได้รับสัมปทานบางกลุ่มเท่านั้น เม็ดเงินลงทุนเหล่านี้ควรจะต้องสะท้อนอยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและมองเห็นโอกาส ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมองเห็นทิศทางและโอกาสตรงกัน ว่าอะไรคืออนาคตของประเทศไทยและประเทศไทยจะเดินไปสู่จุดไหน

ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่างบลงทุนที่พวกตนอยากเห็น เช่น งบลงทุนที่นำไปปลูกป่าเศรษฐกิจ สร้างห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมใหม่ใหม่อย่างไบโอแมททีเรียล วัสดุก่อสร้างต่างๆ ในโลกอนาคตที่จำเป็นจะต้องลดการปล่อยคาร์บอนออกสู่สิ่งแวดล้อม ประเทศไทยมีจุดแข็งในการมีพื้นที่และทรัพยากรธรรมชาติมาก ตนอยากเห็นงบลงทุนในการปลูกเมืองรอง พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน น้ำประปาสะอาดดื่มได้ ขนส่งสาธารณะทั่วถึง ที่ทำให้คนในต่างจังหวัดมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการลงทุนกระจายความเจริญไปยังต่างจังหวัด ชวนเอกชนมาทำบริษัทพัฒนาเมือง พัฒนาประเทศร่วมกันกับรัฐบาล

ตนอยากเห็นการลงทุนปลูกโซลาร์บนหลังคาประชาชน ประกาศให้ชัดว่ารัฐบาลจะปลูกกี่ล้านหลังคาเรือน เปลี่ยนผ่านโครงสร้างพลังงานของประเทศไปสู่พลังงานสะอาด เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดแล้วดึงดูดเม็ดเงินลงทุนให้เอกชนมาร่วมลงทุนกับรัฐบาล ประชาชนก็ได้ลดค่าไฟไปในตัว ตนอยากเห็นการลงทุนในการปลูกข้าวอนาคต ข้าวหอมมะลิหลายชิ้นเป็นจีไอ (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) ที่มีแต่ประเทศไทยที่มี แต่วันนี้สิ่งที่โลกต้องการไม่ใช่แค่ข้าวหอมมะลิ แต่ต้องเป็นข้าวที่รักษ์โลก ประเทศไทยจะเปลี่ยนกระบวนการในการปลูกข้าวอย่างไรให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น

ณัฐพงษ์กล่าวทิ้งท้ายว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีฉบับนี้ เป็นร่างฯ ที่คิดไม่รอบและคิดไม่ลึก ตนจึงจำเป็นที่จะต้องขอสงวนคำแปรญัตติ เพื่อปรับลดกรอบวงเงินงบประมาณในภาพรวม เพื่อให้ประเทศไทยมีพื้นที่ทางการคลังมากเพียงพอในการลงทุนอย่างถูกจุด ในการสร้างอนาคตให้กับประเทศนี้

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก WeR NEWS

ME CARE Group ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามินเม็ดฟู่ ประเทศเยอรมนี กับการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า โดยการมอบส่วนลดพิเศษ 15%

35 นาทีที่แล้ว

“แพทริค ณัฐวรรธ์ หรือ Patrick 尹浩宇” ปล่อยซิงเกิล “Mint the World” ทะยานขึ้นชาร์ตอันดับ 1 iTunes เปิดโลกสีมินต์สุดสดชื่นในมินิอัลบั้มแรก “Mint”

46 นาทีที่แล้ว

โมรียา-ชเนตตี สองแชมป์เก่านำสาวไทยลุยศึก “พอร์ทแลนด์ คลาสสิก” ที่โอเรกอน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
วิดีโอ

ศาล รธน.นัดชี้ชะตา “นายกฯ อิ๊งค์” ปมคลิปเสียงฮุน เซน 29 ส.ค.นี้

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม