ย้อนเส้นทางรัก "มิ้น-ซิลวี่" กับหัวใจที่เชื่อในพรหมลิขิต แม้อายุห่างกัน 7 ปี
ย้อนเรื่องราวความรักของ มิ้น มิณฑิตา กับแฟนสาว ซิลวี่ ภาวิดา เป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความหมายและบทเรียนชีวิตที่ลึกซึ้ง แม้ว่าความรักครั้งนี้จะเพิ่งจบลงหลังจากคบกันมาเป็นเวลากว่า 5 ปี แต่มันก็ยังคงทิ้งร่องรอยความทรงจำและความงดงามในหัวใจของทั้งสองคน ความรักที่เกิดขึ้นจากพรหมลิขิตและความเข้าใจอย่างแท้จริง ที่พร้อมจะถูกถ่ายทอดในบทนี้ ผ่านทุกช่วงเวลาที่เปี่ยมด้วยความรัก ความท้าทาย และการเติบโตที่มาพร้อมกันของทั้งสองฝ่าย
บอกได้เลยว่าความรักของทั้งคู่ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของสองคน แต่เป็นเรื่องราวที่สะท้อนทั้งมุมมองต่อความรัก การยอมรับตัวตน และความเชื่อมโยงในหัวใจที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะนิยามได้แค่เพศหรืออายุ
มิ้น-ซิลวี่ เริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยความเชื่อในพรหมลิขิต ซึ่งมิ้นเคยเล่าในรายการคุยแซ่บShow ว่าเธอเป็นคนบ้าคลั่งกับพรหมลิขิตมาก หากเจอคนที่ใช่ก็จะไปต่อทันทีโดยไม่ต้องพยายามมากนัก เพราะหากต้องพยายามจนบรรยากาศเสียจะทำลายความรู้สึกนั้นไปเอง
จุดเริ่มต้นของความรักนี้ มิ้น บอกว่ามาจากการไปส่อง Instagram ของ ซิลวี่ ซึ่งตอนแรกมิ้นไม่ได้คิดอะไรเกินกว่า “คนเท่ห์และน่ารักในสายตาศิลปิน” เท่านั้น มีการกดไลค์ แซวเล่น คอมเมนต์เบาๆ เป็นการแสดงความสนใจแบบไม่จริงจัง แต่มิตรภาพที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อเพื่อนจับให้ทั้งคู่ได้เจอกันในพื้นที่ที่มิ้นและซิลวี่ต่างก็ไม่เคยคาดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสองได้สบตากันและรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่พิเศษกว่ามิตรภาพทั่วไป
ก่อนหน้านี้ มิ้น ไม่เคยคบผู้หญิงเลย มีแต่ความสัมพันธ์กับผู้ชายเท่านั้น แต่ความรักครั้งนี้ มิ้น กลับไม่รู้สึกแปลกใจมากนัก เพราะเธอมีหัวใจที่เปิดกว้างและความคิดที่จะชอบคนที่ใจเข้ากันได้ ไม่จำกัดเพศ นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ตกหลุมรักผู้ชายเกย์ในอดีตที่ยิ่งตอกย้ำว่าเธอพร้อมรับทุกอย่างด้วยหัวใจเปิดกว้าง
ซิลวี่ เป็นคนที่ มิ้น รู้สึกว่าแตกต่างและพิเศษกว่าคนในอดีตของเธอ เพราะทั้งคู่สามารถเปิดพื้นที่ความสัมพันธ์อย่างอิสระ ไม่ยึดติดกรอบเรื่องเพศสภาพ ทั้งสองมีมุมแมนและมุมผู้หญิงที่สามารถปรับเปลี่ยนกันได้ ทำให้ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้ยึดติดว่าใครต้องเป็นฝ่ายแมนหรือฝ่ายหญิง แต่เป็นความสัมพันธ์ของผู้หญิงสองคนที่เข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง
มิ้นเองเป็นฝ่ายขอซิลวี่เป็นแฟน แม้จะเกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจเต็มร้อย เพราะทั้งคู่ยังเหมือนเพิ่งมีความรักครั้งแรกและไม่รู้ว่าหญิงรักหญิงเป็นอย่างไร บทสนทนาเรื่องสถานะแฟนเกิดขึ้นจากความไม่มั่นใจของซิลวี่ว่ามิ้นชอบเขาจริงหรือไม่ มิ้นจึงเป็นตัวแทนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าความรักในครั้งนี้จริงจังและตั้งใจมาก
ด้วยความที่อายุห่างกันถึง 7 ปี ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความแตกต่างในหลายมุม ช่วง 2 ปีแรกเรียกได้ว่า “ไฟกับน้ำมัน” มีการทะเลาะกันหลายครั้ง แต่ทั้งคู่ก็ฝ่าฟันและปรับตัวจนความสัมพันธ์ดีขึ้นตามลำดับ
ครอบครัวของมิ้นในช่วงแรกยังไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์นี้ เพราะมิ้นยังสับสนกับตัวเอง และไม่ได้บอกใครโดยตรง เปิดเผยผ่านช่องทางสื่อและโซเชียลแบบยังไม่ชัดเจน ซึ่งครอบครัวก็ให้ความเป็นส่วนตัว ไม่ได้กดดันมาก และยอมรับในความเป็นตัวตนของมิ้นอย่างเงียบๆ
และเมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านออกมา มิ้นและซิลวี่ก็ยังไม่มีแผนแต่งงาน เพราะมองว่ากฎหมายนี้เป็น “ตัวเลือก” ที่ดีสำหรับความเท่าเทียม ไม่ใช่ข้อบังคับ และพวกเธอยังต้องคุยกันอีกเยอะในการพิจารณาว่าการแต่งงานจะส่งผลอย่างไรกับความสัมพันธ์ของพวกเขาในอนาคต ทั้งคู่ยังรู้สึกว่าช่วงนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
ในช่วงที่ยังคบกัน งานเลี้ยงเล็กๆ กับครอบครัวก็เกิดขึ้นบ่อย แต่ถ้าจะจัดงานใหญ่จริงจัง คงต้องรอให้พร้อมและ “รวยจริงๆ” มิ้นเคยบอกเล่นๆ ไว้ว่าอนาคตอาจมีงานใหญ่แน่นอน
แม้จะประกาศเลิกกันหลังคบกันมา 5 ปี ข้อคิดที่มิ้นฝากคือ แม้อนาคตความสัมพันธ์จะไม่แน่นอน แต่ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ก็ทำหน้าที่ของคนรักอย่างเต็มที่ ดูแลใจซึ่งกันและกันอย่างดีที่สุด มิ้นยังบอกด้วยความรักและความภูมิใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้ว่า
“เราภูมิใจที่เรารักกันแล้วก็ดูแลกันอย่างดี อนาคตจะเป็นยังไงไม่รู้ แต่วันนี้เราทำเต็มที่แล้ว และภูมิใจในกันและกันมากค่ะ รักเธอ”