MOEI บิสกิตปลากะพง มิติใหม่ธุรกิจขนม เจาะเทรนด์คนรักสุขภาพ
ในโลกที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลาดขนมขบเคี้ยวก็ต้องปรับตัวตาม MOEI บิสกิตปลากะพง ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่โดดเด่น ซึ่งเข้ามาพลิกโฉมวงการด้วยการนำเสนอทางเลือกใหม่ที่ทั้งอร่อย มีประโยชน์ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบรับการดูแลสุขภาพได้อย่างแท้จริง
คุณโชติธนินท์ ชัยพัฒนะรุจน์ พูดถึงแบรนด์ MOEI ว่าเป็นบิสกิตปลากะพงขนมเพื่อสุขภาพ ทำจากเนื้อปลากะพง 95% โดยตอนแรกตนอยากทำเป็นขนมทางเลือก แต่ตอนนี้อยากทำเป็นขนมทางหลักที่เน้นเรื่องของความอร่อยควบคู่ไปกับการมีสุขภาพดี เพราะสินค้าของเราไร้ผงชูรส อบกรอบ มีโปรตีนสูง (1 กระปุก โปรตีน 15.6 กรัม) ซึ่งมีทั้งหมด 16 รสชาติด้วยกัน มีจำหน่ายที่ร้าน Healthy Kcals Shop รวมถึงช่องทางออนไลน์ ทั้ง Shopee และมีส่งออกไปต่างประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง
จุดเริ่มต้นของธุรกิจ
คุณโชติธนินท์ เล่าย้อนไปในช่วงการไปเรียนที่ต่างประเทศ และกลับมาประเทศไทย มีความคิดที่อยากจะเห็นขนมอบกรอบที่ทานแล้วเห็นโปรตีนชัดเจน โดยที่ต่างประเทศมีจำหน่าย แต่ที่ประเทศไทยยังไม่มีทั้งที่เป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำ จึงอยากจะทำขึ้นมาบ้าง สาเหตุที่เลือกปลากะพงมาทำบิสกิตนั้น มาจากภรรยาที่เป็นคนสงขลา แน่นอนว่าอยู่ใกล้ทะเล และตนเคยกินปลากะพงที่สงขลาพบว่ามีความอร่อยมาก ๆ ไม่เหมือนกับที่กรุงเทพฯ ที่จะมีความหวาน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจ
“เราเป็น Soft Power ไทย โดยใช้ปลากะพงไทยทำ รวมถึงอนาคตที่จะมีสินค้าใหม่ ๆ จากแผ่นดินไทย เช่น ข้าวหอมมะลิ มาอบกรอบ จากทางเลือกจะกลายเป็นทางหลักของเรา” คุณโชติธนินท์ กล่าว
อุปสรรคที่พบเจอ
คุณโชติธนินท์ เล่าว่าธุรกิจนี้เปิดมาได้ 6 ปี ใช้เวลาพัฒนาสินค้านานมากกว่าจะมีวันนี้ได้ โดยต้องพบกับอุปสรรคระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการตลาดที่ต้องทำความเข้าใจกับผู้บริโภค สื่อสารสร้างการรับรู้ให้กับตัวสินค้าว่ามีความอร่อย เพราะส่วนใหญ่จะมองว่าขนมที่ทำจากเนื้อสัตว์จะมีความคาว รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าให้มากที่สุด ผ่านโปรโมชัน เช่นเดียวกับการควบคุมคุณภาพ และวิธีการดำเนินการที่ต้องมีมาตรฐาน
“กลุ่มเป้าหมายหลักเลย เราเน้นกลุ่มครอบครัว วัยรุ่น แต่กลุ่มครอบครัวมาซื้อมากที่สุด เพราะต้องการอยากดูแลสุขภาพ อยากกินขนมที่ไม่ใช่ทอด ไม่มีผงชูรส เน้นโปรตีน กลุ่มนี้จะไม่เลือกซื้อขนมทั่วไป แต่จะมองหาขนมสุขภาพมากขึ้น แต่ยังอร่อยเหมือนเดิม เช่นเดียวกับ GenZ ที่มองหาขนมประเภทนี้มากขึ้น” คุณโชติธนินท์
ภาครัฐสนับสนุนอะไรบ้าง
คุณโชติธนินท์ บอกว่าต้องขอขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ที่ช่วยให้ความรู้ทั้งเรื่องการกำหนดราคา การขยายตลาดว่าต้องทำอย่างไร รวมถึงขอขอบคุณกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่พามาออกบูธในแต่ละงาน ได้เจอ Buyer จากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่เข้ามาพูดคุย และซื้อสินค้าของเรา
“หน่วยงานภาครัฐสนับสนุนเรามาก ๆ เรายังอยากให้สนับสนุนในเรื่องของเงินทุน เพราะการที่เราเป็น SME จำเป็นต้องใช้เงินทุนในการขยายธุรกิจ และใช้หมุนเวียนไปกับการดำเนินงานต่าง ๆ แต่ทุกวันนี้การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการตัวเล็กยังค่อนข้างยาก โดยเฉพาะเรื่องเอกสาร จึงอยากให้ภาครัฐช่วยปล่อยเงินทุนให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น คุณโชติธนินท์ เล่าให้ฟัง
แผนธุรกิจในอนาคต
คุณโชติธนินท์ เล่าว่าตอนนี้มีแผนที่ได้คุยกับผู้ซื้อหลายเจ้า และมีโอกาสได้เจอผู้หลักผู้ใหญ่ โดยตอนนี้เราได้พูดคุยกับ Modern Trade โดยเทรนด์สุขภาพจะพบว่าผู้บริโภคหันมาใส่ใจกันมากขึ้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์นี้ยังสามารถเติบโตไปได้ เพียงแต่ว่าด้วยสภาวะเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน เลยอาจทำให้เกิดการชะลอตัวบ้าง แต่ยังเชื่อว่านี่คือเมกะเทรนด์ของโลกที่ยังไปได้ ดูได้จากในต่างประเทศที่นำเราเรื่องนี้ไปไกลมาก
“เป้าหมาของ MOEI เราจะส่งออกทั่วโลก นอกเหนือจาก จีน ฮ่องกง รวมถึงจะเข้า Modern Trade เพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย” คุณโชติธนินท์ เล่าให้ฟัง
คุณโชติธนินท์ ทิ้งท้ายให้คำแนะนำกับผู้ที่อยากทำธุรกิจเพื่อสุขภาพว่าต้องเตรียมตัวเรื่องของตลาด หลายคนมองว่าตลาดสุขภาพกำลังบูม แต่ความจริงแล้วคนยังรับรู้กันน้อยมาก อีกทั้ง สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพหากเป็นอาหารจะมีรสชาติอาจจะไม่ได้เหมือนกับทั่วไป เช่นเดียวกับการใส่สารที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งบางครั้งอาจเกิดข้อสงสัยว่าคืออะไร ที่สำคัญสินค้าที่ขายต้องมีความแตกต่างจากสินค้าที่อยู่ตามท้องตลาดอีกด้วย
การเกิดขึ้นของ MOEI บิสกิตปลากะพง สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่นคนรักสุขภาพที่ต้องการของว่างที่อร่อยและดีต่อร่างกาย นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ยกระดับมาตรฐานของขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพในตลาดปัจจุบัน
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ