สรุปประเด็นควรรู้ "ทักษิณ ชินวัตร"
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์และปาฐกถาพิเศษเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในหลายประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศไทย ทันหุ้นสรุปให้ดังนี้
ประเด็น การแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่
◦ นายทักษิณยืนยันว่า ขณะนี้ทราบว่าได้มีการเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ได้แล้ว และกำลังจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่จะถึงนี้ ซึ่งตนไม่รู้เรื่องว่าเป็นใคร
◦ เดิมมีกำหนดจะนำเข้า ครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่มีการเลื่อนออกไปเพื่อตรวจสอบประวัติให้เรียบร้อยก่อน
◦ เมื่อถูกถามถึงชื่อของผู้ว่าฯ คนใหม่ว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อหรือไม่ หรือจะเป็นชื่อขึ้นต้นด้วย "ว." หรือ "ร." นายทักษิณได้ปฏิเสธที่จะตอบและโยนให้ไปถาม นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ
◦ นายทักษิณยังเล่าถึงประสบการณ์ในอดีตสมัยที่ตนเป็นนายกฯ ใหม่ๆ ว่ารองผู้ว่าแบงก์ชาติจะต้องเข้ามาอธิบายเรื่องเศรษฐกิจเดือนละครั้ง และเคยมีการทำนาย GDP ทั้งที่ตนยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องการใช้งบประมาณ โดยที่นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าทายผิดก็ทายใหม่ได้
ประเด็น มาตรการลดค่าครองชีพและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
◦ ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย: นายทักษิณเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน โดยระบุว่าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้มากขึ้น
▪ เขาเป็นผู้เสนอให้สร้างรถไฟฟ้า 10 สาย และเห็นว่าปัจจุบันคนยังใช้ไม่มากนักเนื่องจากขาดระบบขนส่งเชื่อมต่อ (feeder)
▪ เสนอให้มีการเปลี่ยนรถเมล์ให้เป็นระบบ feeder เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จและลดจำนวนรถบนท้องถนน
▪ นอกจากนี้ ยังเสนอให้ทำ ถนนชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charging Roads) เหมือนในต่างประเทศ เพื่อนำเงินส่วนนี้มาอุดหนุนผู้ใช้บริการรถสาธารณะ
▪ นายทักษิณเร่งรัดให้ดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 2-3 เดือน
◦ โครงการแลนด์บริดจ์: นายทักษิณแสดงความเบื่อหน่ายที่กฎหมายยังไม่เข้าสู่สภาฯ และเปรียบเทียบกับเรื่องรถไฟฟ้า 20 บาท ที่เขาเคยพูดว่าเรื่องเร่งด่วนควรออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ได้ แต่ก็มักจะถูกร้องเรียนอยู่ดี
◦ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน: นายทักษิณกล่าวว่าการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนจะมีลักษณะคล้ายกับ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) โดยเล่าถึงสมัยที่ตนเคยเรียกเจ้าของธนาคารมาคุยเพื่อขอซื้อสินทรัพย์ 50% ซึ่งได้รับการตอบรับ
◦ การกระตุ้น GDP: เขาเน้นย้ำว่าหาก GDP เติบโต สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ก็จะลดลง โดยคาดว่าหนี้สาธารณะควรอยู่ที่ 50-60% หาก GDP โตตามที่ควรจะเป็น
◦ รัฐวิสาหกิจซื้อหุ้นคืน: รัฐวิสาหกิจกำลังจะเริ่มซื้อหุ้นของตัวเองคืน เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของตนเอง และเพิ่งมีการยกเว้นภาษีในเรื่องนี้
• บทบาทของนายทักษิณและสถานการณ์ทางกฎหมาย
◦ คดีมาตรา 112: นายทักษิณ เชื่อว่า คดีมาตรา 112 ของเขาจะ สิ้นสุดลงในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ หลังจากไปให้ข้อมูลกับศาลแล้ว
◦ แผนการเดินทางไปต่างประเทศ: หากคดีสิ้นสุดลง เขาจะเดินทางไปพบเพื่อนคนหนึ่งเพื่อพูดคุยเรื่องการลงทุน โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่จะนำเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่เป็นภาระกับประชาชนผู้ใช้บริการในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้กำลังซื้อของคนไทยดีขึ้น
◦ ไม่เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี: นายทักษิณยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี รัฐบาลต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง
◦ บทบาท "เสมียนของประเทศ": นายทักษิณกล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และเขาขออาสาเป็น "เสมียนของประเทศ" คอยรวบรวมปัญหาและแนวทางแก้ไขส่งให้ นายกฯ และรัฐมนตรีพิจารณา
◦ ความคิดเห็นเกี่ยวกับการพักงานของ น.ส.แพทองธาร: เขารู้สึกเสียใจที่ น.ส.แพทองธาร ถูกพักงานด้วยเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล ("เรื่องเฮงซวย") และเล่าว่าเพื่อนชาวสิงคโปร์เห็นแล้วบอกว่าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการแข่งขันกับไทยแล้ว ซึ่งเขาเห็นว่าไม่ควรทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ ควรหันหน้าเข้าหากันเพื่อพัฒนาประเทศ
• ประเด็นทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
◦ การเมืองต้องได้รับการสนับสนุนและเดินหน้าได้: นายทักษิณกล่าวว่าการเมืองไม่สามารถรอการสนับสนุน 100% ได้ เพราะมนุษย์มีความเห็นที่แตกต่างกัน หากคิดว่าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ก็ต้องอธิบายให้คนเข้าใจ และการเมืองต้องได้รับการสนับสนุนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ก็ต้องเดินหน้าได้ด้วย
◦ ความขัดแย้งทางการเมือง: เขาย้อนรำลึกถึงสมัยที่เพิ่งเข้าสู่การเมืองว่านักการเมืองยังคงพูดคุยกันได้แม้จะด่ากันในสภาฯ แต่หลังจากพรรคไทยรักไทยเติบโตมากเกินไป ก็เริ่มคุยกันไม่เข้าใจและเอาเป็นเอาตายกัน ซึ่งเขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ยอมรับสภาพการเป็นผู้ชนะและผู้แพ้ในเกมการเมือง
◦ เมืองอัจฉริยะ (Smart City) และความปลอดภัย: เขาเน้นความสำคัญของการเร่งให้เมืองท่องเที่ยวเป็นสมาร์ทซิตี้ โดยการติดตั้งกล้อง AI ให้ทั่วถึง เพื่อเพิ่มความปลอดภัย เขายังเล่าถึงเหตุการณ์ที่มีคนนำระเบิดควันมาทิ้งใกล้บ้านเขาในช่วงเช้ามืด และตำรวจสามารถติดตามหาภาพได้จากร้านสะดวกซื้อ ทำให้เห็นถึงความสำคัญของระบบกล้องที่ดี
◦ ความสัมพันธ์กับกัมพูชา: นายทักษิณกล่าวว่าไม่ควรคุยกับคนที่คุยแล้วอัดเทป และเรื่องความสัมพันธ์กับกัมพูชาไม่ควรมีปัญหามากนัก เขาเชื่อว่าการพัฒนาร่วมกันไม่จำเป็นต้องใช้การแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน แต่เป็นเพราะการเมืองไทยไม่แข็งแรง เขายังปฏิเสธข่าวลือเรื่องการทำธุรกิจหรือทิ้งทองไว้ที่กัมพูชา
◦ ความสัมพันธ์กับโดนัลด์ ทรัมป์ และภาษีนำเข้า: นายทักษิณกล่าวถึงเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าการรู้จักกันเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการเจรจาว่าพอใจหรือไม่พอใจ ไม่ใช่การลดราคาพิเศษเพราะรู้จักกัน เขากล่าวว่าการพบปะ "ทีมไทยแลนด์" ที่บ้านพิษณุโลกนั้นมีการพูดคุยกับครอบครัวทรัมป์เพราะรู้จักกัน แต่ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเจอหน้ากันโดยตรง
◦ แนวโน้มสงครามโลก: เขาเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่จะเป็นเพียงสงครามในจุดเล็กๆ มากกว่า เนื่องจากหลายประเทศมีความมั่งคั่งสูงแล้ว