INSETชี้ดีมานด์ดาต้าโตต่อ ภาษีสหรัฐไม่กระทบลงทุน
#INSET #ทันหุ้น – INSET ชี้แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2568 ยังทรงตัว QoQ เดินหน้าประมูลงานใหม่ 3-4 ราย คาดรู้ผลอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ขณะที่ไทยเสี่ยงโดยภาษีสหรัฐ36% มั่นใจไม่กระทบนักลงทุน Data Center ที่จะเข้ามาไทย เนื่องจากไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โบรกให้คำแนะนำถือ ที่เป้าหมายราคา 1.71 บาท
นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการบริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET ผู้ให้บริการก่อสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2568 ยังค่อนข้างทรงตัวอยู่เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2568 ขณะที่ทิศทางการดำเนินครึ่งปีหลัง บริษัทกำลังประมูลอยู่ในขณะนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ คาดว่าจะทราบผลการประมูลในอีกประมาณ 2-3 เดือนข้างหน้า
ซึ่งบริษัทได้ยื่นประมูลไปแล้วประมาณ 3-4 ราย เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ ผู้ว่าจ้างอาจจะจ้างผู้รับเหมาหลายราย ดังนั้นหากมีการแบ่งงานบริษัทอาจจะได้รับงานในส่วนที่ยื่นไปทั้งหมด
@กำ Backlog แน่น 800 ล.
แต่ทั้งนี้เนื่องจากงานก่อสร้างมีการล่าช้ากว่ากำหนด ทำให้การรับรู้รายได้ล่าช้า ประกอบกับบริษัทได้ลงทุนเรื่องคนงานเป็นจำนวนมาก ทำให้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จึงคาดผลการดำเนินงานปีนี้อาจจะทรงตัว ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ว่าจะโต 5-10%
โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 700-800 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 20-30% เพราะส่วนที่เหลือเป็นการบำรุงรักษาระยะยาว (Maintenance Long Term) แต่หากบริษัทสามารถประมูลงานมาได้ในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงรับรู้รายได้จากงานที่ช้า จะส่งผลให้ผลประกอบการในช่วงต้นปี 2569 มีการเติบโตขึ้น
@Data Center ไทยโตต่อ
ในส่วนเรื่องประเด็นการที่ไทยจะถูกสหรัฐ เรียกเก็บภาษีนำเข้า 36% บริษัทมองว่าไม่กระทบต่อนักลงทุน Data Centerที่จะเข้ามาลงทุนในไทย เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่มีแผนการมานานแล้วและยังคงติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้มีแนวโน้มลดลง ซึ่งบริษัทยังคงมั่นใจว่าจะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแนวโน้มการเติบโตของ Data Center ยังสูงอยู่ เนื่องจากในไทยมีกำลังการผลิต (Capacity) อยู่เพียง 200-300 เมกะวัตต์
และมีการลงทุนเพิ่มเติมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอีกประมาณ 1,000-1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งยังคือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์หรือมาเลเซียที่มี Capacity เป็นหมื่นเมกะวัตต์ ประกอบกับการที่มาเลเซียมีการเพิ่มค่าไฟฟ้าถือเป็นผลบวกอย่างมากต่อธุรกิจ Data Center ในไทย เพราะว่าค่าไฟฟ้าเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งของการลงทุนใน Data Center ทำให้เห็นว่าไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก
@โบรกให้เป้า 1.71 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ระบุว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 โตเล็กน้อย 8.6% QoQ เป็น 11 ล้านบาท โดยรายได้ธุรกิจ Maintenance คาดขยายตัว 3.9% QoQ จากการได้ต่อสัญญางาน MA USO I ไปจนถึงไตรมาส 1/2569 ส่วนรายได้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง Data center คาดหด 1.9%QoQ จากงานก่อสร้าง Hyperscale data center เฟซ 2 เพิ่งเริ่มก่อสร้างในเดือน พ.ค.
ขณะที่ไตรมาส 3/2568 จะรับรู้รายได้งานก่อสร้าง Hyperscale Data Center เฟซ 2 เต็มไตรมาส คาดอยู่ที่ 294 ล้านบาท ต่อเนื่องถึงไตรมาส 4/2568 นอกจากนั้นยังมีโอกาสได้รับงานก่อสร้าง Hyperscale Data Center แห่งใหม่ๆ อีกด้วย อย่างไรก็ดีได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลง 39.3% เป็น 73 ล้านบาท จากแนวโน้มครึ่งปีแรก คาดทำได้เพียง 18.1% ของประมาณการเดิม
อีกทั้งความเสี่ยงเรื่องแผนการจำกัดการส่งชิป AI ของ “ทรัมป์” ซึ่งอาจทำให้การพัฒนา Data center ในไทยอาจล่าช้าออกไปได้ โดยราคาเป้าหมายใหม่ 1.71 บาทต่อหุ้น คำแนะนำเป็น “ถือ”