“นฤมล” ร่วมฉลอง 22 ปี สพฐ. ดึงเสียงครูร่วมออกแบบนโยบาย ลุยลดภาระ-เติมสวัสดิการ
เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ผศ.ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ และ นายเทวัญ ลิปตภัลลภ รมช.ศึกษาธิการ ได้ร่วมงานวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครบรอบ 22 ปี ซึ่งมีผู้บริหาร ข้าราชการ สพฐ.เข้าร่วม
โดยศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ตนถือเป็นผลผลิตของสพฐ. เพราะ 30 ปีที่แล้วตนได้จบจากการศึกษาจากโรงเรียนสังกัดของสพฐ. ซึ่งที่ผ่านมามีเสียงสะท้อนว่า การศึกษาไทยไม่ได้เรื่อง ใช้ไม่ได้ และต้องมีการปฏิรูป โดยตนอยากให้ทุกคนได้ถามตัวเองว่า การศึกษาไทยเป็นอย่างที่สังคมได้สะท้อนมาหรือไม่ ดังนั้นทุกคนจะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองว่า เรามีดีพอ ซึ่งตนได้พิสูจน์ตัวเองจากการจบการศึกษาในโรงเรียนสังกัดสพฐ.แล้วว่า ตนสอบชิงทุนการศึกษาได้ และมีคะแนนสูงกว่านักเรียนต่างชาติ ทั้งนี้ตนจึงอยากให้ทุกคนเชื่ออยู่เสมอว่าการศึกษาไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ขณะเดียวกันการศึกษาไทยก็ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้น เนื่องจากการศึกษายังไม่ข้อจำกัดหลายด้านไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย หรือทรัพยากร ตนจึงอยากให้ทุกคนช่วยกันก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆเหล่านี้ไปให้ได้ด้วยความร่วมมือจากชาวสพฐ.ทุกคน
รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้การทำงานของตนไม่อยากให้ยึดการบริหารงานแบบเจ้านายลูกน้อง ตนอยากทำงานในรูปแบบของครอบครัว ดังนั้นอยากให้ทุกคนมาเป็นครอบครัวการศึกษามีเรื่องใดที่ติดขัดก็ขอให้มาพูดคุยหารือร่วมกันได้ ซึ่งตนขอชื่นชมผู้บริหารสพฐ.ทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงรมว.ศึกษาธิการทุกคนที่ผ่านมาด้วย เพราะบุคลากรเหล่านี้มีคุณูปการที่ช่วยพัฒนาการศึกษาไทยจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นนโยบายอะไรที่ทำได้และเป็นประโยชน์กับประชาชนก็พร้อมจะสานต่อ แต่ตนมีนโยบายที่อยากเพิ่มเติมโดยเฉพาะงานของสพฐ.ที่จะต้องลดภาระงานครู โดยเฉพาะการแก้ปัญหาครูการเงิน ครูพัสดุ ที่จะดำเนินการอย่างไรให้ครูทั่วประเทศมีเวลามาพัฒนางานสอนของตัวเอง ดังนั้นประเด็นภาระงานครู จึงถือเป็นภาระกิจแรกของตนที่จะทำงานร่วมกับสพฐ.ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน นอกจากนี้ตนจะดูแลสวัสดิการครู เพราะเท่าที่ทราบสวัสดิการครูยังไม่เพียงพอ ซึ่งเร็วๆนี้ จะมีการวางแนวทางการเพิ่มสวัสดิการครูร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ต่อไป
รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนยังได้รับฝากประเด็นการศึกษามาด้วยว่า เรื่องการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งฝากสพฐ.เพิ่มเติมวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติรย์ทรงเป็นประมุขให้ชัดเจนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเรื่องการปรับหลักสูตรนั้น เราจะต้องมีการปรับหลักสูตรให้เหมาะสมตามบริบทของพื้นที่และหลักสูตรจะสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันด้วย ส่วนที่ตนต้องการเพิ่มเติมเรื่องวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองนั้น อยากให้เด็กไทยทุกคนได้ตระหนักรู้ถึงประวัติศาสตร์การเมือง การปกครอง และหน้าที่ของตัวเอง เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยมีการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นต่อไป
"ขอให้กำลังใจชาวสพฐ.ทุกคน โดยการบริหารงานของดิฉันจากนี้ไปไม่อยากให้มีนโยบายที่ออกมาจากส่วนกลางเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะมีการหารือกับสพฐ.ว่า ที่จะนำเสียงของครู และผู้แทนองค์กรครูต่างๆมาร่วมกำหนดนโยบายการศึกษาด้วย และจากนั้นจะมาตกผลึกนโยบายการศึกษาแล้วจะมาหารือร่วมกันอีกครั้งว่า เราจะทำอะไรบ้างที่เป็นนโยบายเร่งด่วน เพื่อครูและนักเรียนบ้าง เนื่องจากเราเป็นฝ่ายการเมืองมาแล้วก็ไป แต่ข้าราชการประจำยังต้องปฎิบัติหน้าที่อยู่" ศ.ดร.นฤมล กล่าว