โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

หุ้นโรงไฟฟ้าคึกรับ กนง.คงดอกเบี้ย เมินสงครามตะวันออกกลางกดดัน

Manager Online

เผยแพร่ 02 ก.ค. เวลา 15.51 น. • MGR Online

หุ้นโรงไฟฟ้าคึกรับผล กนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย คาดครึ่งปีหลังลดอีก 2 ครั้ง ส่งผลดีเพราะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง และ Valuation re-rating ขณะสงครามตะวันออกกลางมองเป็น Sentiment "ลบ"ต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่มีสัดส่วนรายได้ขายไฟ IU นักวิเคราะห์ประเมินกำไรปกติของกลุ่มฯ ยังสามารถเติบโตได้แม้กำไรปกติของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มีแนวโน้มลดลงจากการเริ่มรับรู้ผลกระทบของการปรับลดค่าไฟฟ้าลงเป็น 3.98 บาท/หน่วย ตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้

หลังรัฐบาลได้ขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมพลังงานทางเลือก ซึ่งล่าสุดคือการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กและภาคครัวเรือนที่ติดตั้งระบบ โซล่าร์รูฟท็อปบนที่พักอาศัย ที่สามารถลดหนย่อนได้ถึง 2 แสนบาท ตามนโยบายและแผนการลดคาร์บอน เป้าหมาย Net Zero และร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ของกระทรวงพลังงานที่เตรียมจะนำเข้าเสนอ ครม.ในเร็ววัน และนั่นคือผลบวกที่จะทำให้หุ้น ขณะที่สงครามที่ยืดเยื้่อและคลุมเครือกลับเป็นปัจจัยที่ทำให้เป็นกังวลต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าระดับหนึ่ง เพราะแต่ละบริษัทมีการดำเนินงานที่แตกต่างก้นไปบ้างตามหลักธุรกิจ

อย่างไรก็ดี จากมุมมองของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ที่มองหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า อาจแตกต่างกันไปบ้างในบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แม้จะมีปัจจัยลบมากระทบบ้าง แต่ล่าสุดกลุ่มโรงไฟฟ้าก็สดใสขึ้นมา จากการได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง และ Valuation re-rating จากมติของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ต่อปี ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้ปรับประมาณการเพิ่มขึ้นเป็นขยายตัวได้ 2.3% จากเดิมที่ 1.3-2% และปรับลดประมาณการปีหน้าที่ 1.7% จากเดิม 1.8% นั่นจึงส่งผลดีต่อหุ้นอีกหลายกลุ่ม

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินหุ้น"กลุ่มโรงไฟฟ้า" คงน้ำหนักการลงทุนสำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าไว้ที่ “Neutral” โดยให้เน้นการลงทุนแบบ Selective Buy ในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัดจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 2 ปีนี้ สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ระดับ 1.47 หมื่นล้านบาท เติบโต 15% เทียบไตรมาสก่อน และ 11% เทียบปีก่อน (บนสมมติฐานกำไรปกติเสมือนของ GULF ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ที่ระดับ 4.61 พันล้านบาท) โดยคาดกำไรปกติของกลุ่มฯ จะยังสามารถเติบโตได้แม้กำไรปกติของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มีแนวโน้มลดลงจากการเริ่มรับรู้ผลกระทบของการปรับลดค่าไฟฟ้าลงเป็น 3.98 บาท/หน่วย ตั้งแต่เดือน พ.ค.

ดังนั้น จึงคงน้ำหนักการลงทุน “Neutral” โดยให้เน้นการลงทุนแบบ Selective Buy ในหุ้นที่กำไรปกติมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และมีผลกระทบจำกัดจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และการเมืองทั้งใน และต่างประเทศ ให้ BCPG ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท เป็น Top Pick เพราะได้แรงหนุนจากการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่น้อยลง ,การเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ในตลาด PJM (BCPG, GULF, EGCO) ที่เพิ่มขึ้นหลังการปรับขึ้นค่าความพร้อมจ่ายในเดือน มิ.ย. ,ปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว และปัจจัยเฉพาะตัวของ GULF (ส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่เพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นราคา Package หลัก และการรับรู้รายได้จากเงินปันผลของ KBANK)

ขณะที่เมื่อเทียบปีก่อน คาดกำไรปกติของกลุ่มฯ สามารถเติบโตได้โดยมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณน้ำในลาวที่ฟื้นตัว และการปรับขึ้นค่าความพร้อมจ่ายในตลาดไฟฟ้าสหรัฐฯ แม้กำไรปกติของกลุ่มฯ ยังมีแนวโน้มเติบโตได้แต่คาดการฟื้นตัวของราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าในระยะสั้น-กลางจะยังคงถูกกดดันจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีความตึงเครียดมากขึ้นอาจส่งผลให้ราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น (ในกรณีที่มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นช่องทางการขนส่งน้ำมันและ LNG ของโลก) และกดดันอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มฯ เนื่องจากคาดการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเพื่อสะท้อนต้นทุนทำได้จำกัด ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศที่เริ่มมีความไม่แน่นอนอาจส่งผลให้การออกนโยบาย และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนในช่วงก่อนหน้า (เช่น Direct PPA และแผน PDP ฉบับใหม่) รวมถึงการทบทวนการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนส่วนขยาย (การรับซื้อรอบ 2.2GW) มีโอกาสเกิดขึ้นช้ากว่าที่คาดไว้เดิม (เดิมคาดเกิดขึ้นภายในครึ่งหลังปี 68)

ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรีฯมองเป็น Sentiment "ลบ"ต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่มีสัดส่วนรายได้ขายไฟ IU (GPSC 26%, BGRIM 22%, GULF 6% ) โดยกลางเดือนมิ.ย. 2568 ราคาก๊าซ JKM LNG เดือน ส.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.6% เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีการขนส่ง LNG ราว 3% ของ Demand โลก อย่างไรก็ดีหากสงครามมีการยืดเยื้อและราคา LNG ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจะคิดเป็น Sensitivity ทุกๆ ราคาก๊าซ JKM LNG ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% (1.2$ บนราคาปัจจุบันราว 12$/MMbtu) คาดส่งผลให้กำไรปี 2568 ของ GPSC ที่ 2.3%, BGRIM ที่ 3.1%, GULF ที่0.2% (รับผลครึ่งหลังปี 68)

ขณะที่ BCPG ซึ่งใช้ก๊าซ Henry Hub (Marcellus) เป็นหลัก บริษัทฯ มีการ Hedge ส่วนต่างระหว่างค่าไฟและราคาก๊าซล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปีบนกรอบ 50-75% ของปริมาณขายไฟ เพื่อรักษาระดับ Sparkspread ให้อยู่ที่ราว 2 US cent/kWh ส่งผลให้คาดทุกๆ ราคาก๊าซ Henry Hub ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% (0.35$ บนราคาปัจจุบัน 3.52$/MMBtu) อาจเป็นผลต่อกำไรปี 2568 ของ BCPG ราว 1% (รับผลครึ่งหลังปี 68)

โดย บล.กรุงศรีฯ ยังคงเลือกหุ้น GULF แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 56.50 บาท และหุ้น BCPG แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 8.00 บาทเป็นหุ้น Top pick ของกลุ่ม บนผลกระทบด้านสงครามที่จำกัดเมื่อเทียบกับกลุ่ม โดยทั้งคู่ยังมี Theme การเติบโตที่ชัดเจน และมีความเสี่ยงต่ำ จากนโยบายลดค่าไฟภายในประเทศไทย

อย่างไรก็ดี บล .กรุงศรีฯ มอง Sentiment บวกเล็กน้อยต่อผู้ประกอบการทมี่มีธุรกิจโซล่ารค์ ครัวเรือน อาทิ GULF และ GUNKUL (สัดส่วน

บล.ดาโอประเมินหลังจากการที่ สหรัฐฯ เข้าร่วมสงครามอิสราเอล-อิหร่านอย่างเป็นทางการ แนวโน้มราคาพลังงานระยะสั้นจะปรับเพิ่มสูงขึ้นจากความเสี่ยงที่สงครามจะยืดเยื้อ และมีโอกาสที่จะขยายวงกว้าง ฝ่ายวิจัยเชื่อว่ามีโอกาสที่สงครามจะยืดเยื้อ โดยเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่อิหร่านอาจจะโจมตีอิสราเอลต่อไป และอาจรวมถึงฐานทัพของ US ในประเทศตะวันออกกลางอื่น ๆ ซึ่งมีอย่างน้อย 19 แห่งและมีทหารประจำการอยู่ 4.00-5.00 หมื่นนาย นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยเห็นถึงความเสี่ยงขาขึ้นที่เป็นไปได้ที่อิหร่านจะพยายามปิดทางเดินเรือผ่าน Strait of Hormuz ซึ่งเชื่อว่าอาจจะส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นสูงกว่า USD100.0/bbl ได้ในระยะสั้นถึงกลาง ทั้งนี้ในเบื้องต้น ยังประมาณการสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยของฝ่ายวิจัยไว้ที่ USD70.0/bbl

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยมองเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น ราคาพลังงานต้นน้ำ ที่น่าจะสูงขึ้นจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน (โดยเฉพาะพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น) ขณะที่เป็นลบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า, ปิโตรเคมี และ ค้าปลีกน้ำมัน, ท่องเที่ยวและสายการบิน, กลุ่มส่งออก, และกลุ่มค้าปลีก ซึ่งอาจจะเห็นต้นทุนที่สูงขึ้น

ดังนั้น จึงส่งผลดีต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น ซึ่งฝ่ายวิจัยเชื่อว่า PTTEP จะได้ประโยชน์จากราคาขายน้ำมันเฉลี่ย (liquid ASP) ที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่โรงกลั่นน่าจะได้แรงหนุนจากกำไรจากสต๊อก (stock gain) ที่สูงขึ้นและอาจรวมถึงส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และราคาน้ำมันดิบ (crack spread) ที่ดีขึ้น ทั้งนี้คำแนะนำ สำหรับหุ้นที่ฝ่ายวิจัยดูแล คือ PTTEP (ซื้อ/เป้า 130.00 บาท), TOP (ซื้อ/เป้า 36.00 บาท), SPRC (ซื้อ/เป้า 6.50 บาท), และ BCP (ถือ/เป้า 34.00 บาท)

ขณะที่จะไม่เป็นผลดีต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าเพราะมีโอกาสที่ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น แต่ค่า Ft ไม่สามารถปรับสะท้อนได้จากความพยายามควบคุมค่าไฟฟ้าจากภาครัฐ เป็น negative sentiment ต่อโรงไฟฟ้า SPP โดยเรียงลำดับจากหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมากไปน้อยคือ GPSC (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท), BGRIM (ซื้อ/เป้า 20.00 บาท), GULF (ซื้อ/เป้า 63.00 บาท) ส่วนกลุ่มปิโตรเคมีมองว่าหุ้นในกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนวัตถุดิบ (feedstock) ที่สูงขึ้น ในขณะที่ ราคาขายยังมีปัจจัยกดดันจากแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแออยู่ ทั้งนี้ คำแนะนำสำหรับหุ้นที่ฝ่ายวิจัยดูแล คือ SCC (ขาย/เป้า 140.00 บาท), PTTGC (ถือ/เป้า 21.00 บาท), และ IVL (ถือ/ เป้า 22.00 บาท) และกลุ่มค้าปลีกน้ำมันจะพบว่าราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมีโอกาสกดดันค่าการตลาด อย่างไรก็ดี ผลกระทบเชิงลบอาจจะถูกลดทอนด้วยความจริงที่ว่าสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีความแข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว ทั้งนี้ หุ้นที่ได้รับ negative sentiment คือ OR (ขาย/เป้า 12.50 บาท) และ PTG (ซื้อ/เป้า 8.50 บาท)

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หรือ UOBKHมองว่ามีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยอีก 2 ครึ่งในครึ่งปีหลัง จึงมองเป็นโอกาสสะสมหุ้น กลุ่ม Consumer Finance อาทิ MTC, TIDLOR, และกลุ่มโรงไฟฟ้า จากการได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง และ Valuation re-rating อาทิ EGCO, RATCH, รวมทั้งกลุ่ม External Play ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศจำกัด อาทิ IVL, SCGP

ทั้งนี้ มติ กนง.รอบนี้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 6 ต่อ 1 แต่ UOBKH ประเมินเศรษฐกิจไทยจะมีความท้าทายในช่วงครึ่งปีหลัง จากทั้งปัจจัยในประเทศที่การใช้จ่ายชะลอตัว และปัจจัยภายนอกจากความไม่แน่นอนของมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ แม้ในการประชุมครั้งนี้ กนง.จะมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ประเมิน กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยในครึ่งปีหลังอีกราว 2 ครั้ง (ครั้งละ 0.25%) เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ เนื่องจาก กนง.ได้ปรับประมาณการ GDP ของไทยปี 68 ขึ้นจาก 2.0% เป็น 2.3% จากการเร่งการส่งออกและภาคการผลิตที่ดีกว่าคาด แต่ปรับประมาณการ GDP ปี 69 ลงจาก 1.8% เหลือ 1.7% เพราะคาดว่าผลของมาตรการภาษีการค้าสหรัฐจะเห็นชัดเจนขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ แม้ กนง.จะปรับประมาณการ GDP ปีนี้ขึ้น แต่โดยหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกดีกว่าคาด ขณะที่เศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะมีความท้าทายมากขึ้น

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

“แพร ชนันท์ภัสส์” แฟนเก่า “ตั้ม วิชญะ” โพสต์แซบ บางคนไม่ได้ล้มเพราะโดนใครผลัก?

48 นาทีที่แล้ว

“ทราย สก๊อต” ลั่นวาจา คนที่มาเป็นแฟน ต้องเป็นเพชรเท่านั้น ไม่ใช่พลอย!

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“นาฟ-แตงกวา” มั่นใจสมมงฯ ท็อป 5 MUT คือเป้าหมาย ไม่ได้มั่นหน้า - ส่องกระจกเห็นตัวเองสวยทุกวัน!

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“ณวัฒน์” ส่งรัฐมนตรีช่วยไปเคลียร์ ธ.ก.ส. แล้ว! ลั่นต้องไลฟ์แช่งคนปล่อยข่าวเท็จ เป็นวิธีสู้กับอวตาร

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

“เที่ยวไทยคนละครึ่ง” หุ้นอะไรรับผลดีสุด?

TNN ช่อง16

3 นายกรัฐมนตรี แพทองธาร-ทักษิณ-เศรษฐา โชว์วิสัยทัศน์ SPLASH Soft Power Forum 2025

ฐานเศรษฐกิจ

เจาะแผน มาม่า-คมสันต์ ลี-ชานนท์ ทำไมทุ่มลงทุนหนุนชาแบรนด์ดัง CHAGEE บุกตลาดไทย

MATICHON ONLINE

Google เจอศาลตัดสิน ต้องจ่ายชดเชย 314 ล้านดอลลาร์ ปมแอบดูดข้อมูล Android โดยไม่บอกผู้ใช้

Manager Online

ผลโพลชี้ 73% ไฟเขียว "นโยบายคริปโตฯ ทรัมป์" ดันราคาตลาดพุ่งแรง

Manager Online

ชาวนาเร่งไร่ละพันบาท ยื่น 3 ข้อให้ 'อรรถกร' ช่วยเชื่อผ่านฉลุย ด้าน กกร. ลุ้นภาษีมะกันต่ำ 18 %

MATICHON ONLINE

MAJOR × OMODA & JAECOO ชวนคอหนังออกเดินทางแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ลุ้นบินโอซาก้า! สัมผัสประสบการณ์สุดมันส์ในโลกภาพยนตร์ ที่สวนสนุกระดับโลก

MATICHON ONLINE

ทำความรู้จัก "บาทเนต" ระบบการโอนเงินที่มีมูลค่าสูงระหว่างธนาคาร

sanook.com

ข่าวและบทความยอดนิยม

Broker ranking 2 Jul 2025

Manager Online

ก.ล.ต. ยกระดับคุมเข้ม! บังคับเก็บข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลเชิงลึก เริ่มบังคับใช้ 1 ก.ค. นี้

Manager Online

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยเงินบาทปิดตลาดที่ 32.41-แกว่งตัวในกรอบ-ติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศ

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...