Mitsubishi Corporation ขอซื้อหุ้น TU เพิ่ม 13.81% ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว
#ทันหุ้น #TU Mitsubishi Corporation ขอซื้อหุ้น TU เพิ่ม 13.81% ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว
สรุปประเด็นหลัก (Key Takeaways)
Mitsubishi ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นเพิ่ม: มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นใน บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) อยู่แล้ว 6.19% ได้ยื่นข้อเสนอรับซื้อหุ้น TU เพิ่มอีก 13.81%
เป้าหมายถือหุ้น 20%: หากการรับซื้อสำเร็จ จะทำให้มิตซูบิชิมีสัดส่วนการถือหุ้นใน TU เพิ่มขึ้นเป็น 20.00% อย่างมีนัยสำคัญ
ราคารับซื้อ 12.50 บาท/หุ้น: ข้อเสนอรับซื้อหุ้นกำหนดไว้ที่ราคา 12.50 บาทต่อหุ้น
เงื่อนไข "All or Nothing": การรับซื้อครั้งนี้มีเงื่อนไขสำคัญคือ "All or Nothing" กล่าวคือ มิตซูบิชิจะทำการรับซื้อก็ต่อเมื่อสามารถซื้อหุ้นได้ครบตามจำนวนที่เสนอทั้งหมดเท่านั้น หากได้ไม่ครบจะยกเลิกการรับซื้อทั้งหมด
ผนึกพันธมิตรทางธุรกิจ: การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับความร่วมมือสู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Alliance Agreement) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและโอกาสการเติบโตในตลาดโลก
บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเช้าวันนี้ (4 ส.ค. 68) ว่าได้รับหนังสือแจ้งเจตจำนงจาก มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทการค้าและการลงทุนครบวงจรรายใหญ่ของญี่ปุ่น ในการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทเพิ่มเติมโดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นจากปัจจุบันที่ 6.19% (ณ วันที่ 31 ก.ค. 68)ให้เป็น 20.00% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมด (ไม่รวมหุ้นซื้อคืน)
ข้อเสนอดังกล่าวเป็นการรับซื้อหุ้นเพิ่มเติมจำนวน 532,273,639 หุ้น หรือคิดเป็น 13.81% ที่ราคา 12.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งการทำรายการครั้งนี้ไม่เข้าข่ายการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ (Mandatory Tender Offer) เนื่องจากสัดส่วนการถือครองสุดท้ายจะไม่ถึง 25%โดยการทำรายการครั้งนี้มีเงื่อนไขบังคับก่อน (Conditions Precedent) ที่สำคัญหลายประการ ซึ่งนักลงทุนต้องทำความเข้าใจ:
เงื่อนไข All or Nothing: มิตซูบิชิจะยกเลิกข้อเสนอรับซื้อหุ้นทั้งหมด หากมีผู้ถือหุ้นตอบรับข้อเสนอน้อยกว่าจำนวน 532,273,639 หุ้นที่ต้องการซึ่งเป็นการแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนว่าต้องการเพิ่มสัดส่วนให้ถึง 20% เท่านั้น ไม่มากหรือน้อยไปกว่านี้
Foreign Room Availability: ณ วันที่จะดำเนินการรับซื้อ TU จะต้องมีสัดส่วนการถือครองหุ้นของผู้ถือหุ้นต่างชาติ (Foreign Room) เหลือเพียงพอไม่น้อยกว่า 13.81%
การอนุมัติตามกฎระเบียบ: ต้องได้รับการอนุมัติด้านการแข่งขันทางการค้า (Merger Control) และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
สัญญาความร่วมมือทางธุรกิจ (Business Alliance Agreement): ทั้งสองฝ่ายต้องสามารถเข้าลงนามในสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจได้เป็นผลสำเร็จ
สำหรับวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในครั้งนี้ คือการ"ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเป็นทางการ"โดยมิตซูบิชิระบุว่าการลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตระยะยาวของ TU
ความร่วมมือดังกล่าวจะอาศัยจุดแข็งของมิตซูบิชิในด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจของ TUได้แก่:
เครือข่ายระดับโลก: ช่วยสนับสนุนการเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ของ TU
ความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์: เพิ่มประสิทธิภาพในด้านการจัดจำหน่ายและการขนส่งสินค้าอาหารทะเลทั่วโลก
การยกระดับ ESG: ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของ TU ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ได้ยื่นข้อเสนอครั้งสำคัญในการเข้าซื้อหุ้น บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือครองเป็น 20% ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนทางการเงิน แต่เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงการยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว
ที่มา:
การแจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป วันที่ 4 สิงหาคม 2568
https://weblink.set.or.th/dat/news/202508/0450NWS040820250842114230T.pdf?gl=1*druc64*gcl_au*NzA0OTg3NDk1LjE3NTQwMTUzMjA.*ga*MTc3MzQwNDIxMi4xNzU0MDE1MzIz*ga_ET2H60H2CB*czE3NTQyNzM2NDEkbzgkZzEkdDE3NTQyNzM4MzQkajU4JGwwJGgw