“เท้ง” จี้รัฐบาลรับปากกลางสภาฯ ว่าจะไม่เสนอร่างกม.คอมเพล็กซ์อีก
วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ที่รัฐสภา ในประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม พิจารณาวาระร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….. หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ
ประธานสภาฯ แจ้งว่า ครม.ได้มีหนังสือมายังสภาฯ ขอถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกจากระเบียบวาระการประชุม ซึ่งตามข้อบังคับที่ 61 กำหนดว่า การถอนร่างพ.ร.บ.ที่ประธานสั่งบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมแล้ว จะกระทำได้เมื่อได้รับการยินยอมจากที่ประชุม ดังนั้น ตนขอถามท่านสมาชิกว่าเห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่
ต่อมานายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อภิปรายว่า ตนอยากทราบเหตุผลที่แท้จริงที่ครม.ขอถอนร่างนี้ออกจากการพิจารณาของสภาฯ ตนทราบดีว่าวันนี้อย่างไรรัฐบาลถือเสียงข้างมาก ดังนั้น ไม่ว่าพวกตนจะลงมติอย่างไร ครม.ก็สามารถที่จะถอนร่างนี้ออกจากการพิจารณาของสภาฯ ได้อยู่แล้วตามมติครม.ที่ออกมา
แต่เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าการถอนร่างในวันนี้เป็นการถอนร่างเพราะว่ารัฐบาลได้เล็งเห็นแล้วว่า กฎหมายฉบับนี้มีปัญหา อาจจะถอนออกไปเพื่อกลับไปศึกษาอย่างรอบคอบตามข้อทักท้วงของภาคประชาสังคมรวมถึงภาคส่วนอื่น ๆ ก่อน ไม่ได้เป็นการถอนร่างเพียงเพราะรัฐบาลกลัวว่าวันนี้เสียงในสภาฯ ไม่พอ และจะถูกโหวตคว่ำ
ดังนั้น ตนอยากจะขอฟังเหตุผลจากตัวแทนของครม.ว่าถอนร่างนี้ด้วยเหตุผลอะไร แล้วเพื่อให้พวกเราพรรคฝ่ายค้านสบายใจว่ารัฐบาลมีความจริงใจ ต้องการถอนร่างกฎหมายฉบับนี้เพราะเล็งเห็นถึงเหตุผลนั้นจริง ๆ จึงอยากให้ตัวแทนครม.ลุกขึ้นมารับปากกับพวกเราเป็นบันทึกในที่ประชุมสภาฯ ว่าครม.ถอนร่างนี้ออกไปแล้วจะไม่เสนอร่างนี้กลับเข้ามาอีก อย่างน้อย ๆ จนกว่าจะมีการศึกษากฎหมายฉบับนี้อย่างดีเพียงพอ
ถ้าไม่อย่างนั้นหากท่านไม่สามารถรับปากได้ พวกเราก็ต้องให้รัฐบาลพิสูจน์ว่าการถอนร่างฉบับนี้ไม่ใช่เป็นเพราะกลัวเสียงไม่พอ ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องเดินหน้าในการถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ด้วยเสียงของรัฐบาลเอง ที่พวกเราไม่สามารถเข้าไปร่วมสังฆกรรมในแท็กติกของสภาฯ ที่พวกท่านใช้ในวันนี้ได้
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ตัวแทนครม. ชี้แจงว่า กฎหมายฉบับนี้นำเสนอโดยกระทรวงการคลัง หลังจากได้รับมอบหมายให้ยกร่างโดยครม. จึงเป็นกระทรวงการคลังที่ทำหนังสือเข้ามาที่ ครม.เพื่อขอถอนร่างฉบับดังกล่าว ซึ่งเหตุและผลที่ครม.มีมติถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวออกนั้น
ประเด็นแรก ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก มีการปรับองค์ประกอบของ ครม.และพรรคร่วมรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ มีรัฐมนตรีใหม่ที่เข้าร่วมกับ ครม.กว่า 14 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก จึงเป็นเหตุผลที่มีความเหมาะสม ที่จะให้ทางครม.ที่เป็นชุดใหม่ในการทบทวน เพื่อพิจารณาให้รอบคอบอีกครั้งหนึ่ง
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ประเด็นที่สอง ยอมรับว่าขณะนี้ยังมีความไม่เข้าใจในเรื่องตัวกฎหมาย ด้วนเจตนาของรัฐบาลมีความประสงค์ดีในการขับเคลื่อนการทางเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อให้มันมีการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างโดยมนุษย์ เป็นเจตนาของรัฐบาลจริง ๆ และยังมีความเชื่อมั่นว่ากลไกในการขับเคลื่อนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย
แต่เนื่องด้วยความเข้าใจในสังคมยังมีความหลากหลาย จึงจำเป็นต้องให้เวลาสังคมได้พิจารณาอย่างรอบคอบ กลไกการเปลี่ยนแปลงกฎหมายทุกคนก็ทราบกันดีว่าเราสามารถดำเนินการได้ในหลายขั้นตอน รวมถึงขั้นตอนของสภาฯ ซึ่งเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของสมาชิกอยู่แล้ว หากกฎหมายใดก็ตามเข้ามาสู่การพิจารณาแล้วจะมีการปรับเปลี่ยนแก้ไข เพื่อให้เกิดความรัดกุม เหมาะสมมากขึ้น เพราะฉะนั้น จุดนี้ไม่ใช่สาเหตุที่สำคัญที่รัฐบาลบอกว่ากฎหมายมีปัญหาหรือไม่ เพราะโดยหลักการและเหตุผล เราความเชื่อมั่นว่าเป็นเหตุผลและหลักการที่เป็นประโยชน์กับสังคม
อย่างไรก็ตาม เมื่อยังมีความหลากหลายทางความคิดอยู่ในสังคม และในขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่า ประเทศไทยมีปัญหารุมเร้าหลายประการ ทั้งปัญหาชายแดน เศรษฐกิจในระดับโลก ปัญหาเหล่านี้ทางรัฐบาลรับทราบ และมองว่าการลดปัจจัยในเรื่องความขัดแย้งในสังคมลงน่าจะช่วยผ่อนเบาสถานการณ์ได้ดีขึ้น เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่เราตัดสินใจว่าการถอนร่างกฎหมายในวันนี้น่าจะเป็นประโยชน์กว่า
ส่วนคำถามที่ว่าจะมีการนำร่างฉบับดังกล่าวกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้งหรือไม่นั้น ตนยอมรับว่าตอบไม่ได้ ด้วยตัวบุคคลหนึ่งคนไม่สามารถให้คำตอบให้ได้ แต่ก็รู้กันดีว่ากฎหมายในลักษณะนี้ใช้การดำเนินการค่อนข้างนาน แน่นอนว่าหากในสภายังมีความเห็นที่แตกต่าง ยิ่งใช้เวลานานเป็นเท่าตัว เพราะฉะนั้น ด้วยเวลาที่จำกัดเราต้องไปดูว่ามีโอกาสที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยาก ตนตอบได้เพียงเท่านี้ จะตอบนอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ที่ ครม.ให้มาคงดำเนินการไม่ได้