"กองทัพบก" ยัน "ทหารไทย" ไม่ได้ถอยออกจากปราสาทตาควาย แจงเป็นยุทธวิธีพื้นที่รบ
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการโพสต์ถึงว่า ทหารไทยเคยยึดประสาทตาควาย และเนิน 350 และถูกสั่งให้ถอยออกมา ว่า ยืนยันไม่เป็นความจริง จึงขอเรียนว่าความมุ่งหมายสูงสุดในการปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ คือ พื้นที่ภายในแนวเส้นปฏิบัติการ ต้องไม่มีการวางกำลังของฝ่ายกัมพูชา กรณีการระบุหน่วยที่เข้าร่วมปฏิบัติการ กองทัพบกไม่เคยให้รายละเอียดเกี่ยวกับชื่อหน่วยที่ปฏิบัติในแต่ละพื้นที่ในแต่ละจุด แบบเฉพาะเจาะจง ยืนยันว่าในหลายหลายพื้นที่ จะเป็นลักษณะการบูรณาการจากหลายหน่วยเข้าร่วมปฎิบัติ ซึ่งสำหรับพื้นที่ปราสาทตาควายนี้ ร.31 รอ. ยังอยู่ระหว่าง การเคลื่อนย้ายเข้าแนวปะทะ
โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีบริเวณพื้นที่ปราสาทตาควายรวมถึงเนิน 350 ทบ.ไม่เคยระบุเป็นพื้นที่ที่ๆ ฝ่ายสามารถเข้ายึดในลักษณะวางกำลังทหารได้ กล่าวเพียงยังเป็นพื้นที่ๆ ที่การต่อสู้เข้มข้นสูง และ เป็นพื้นที่มีความเข็มแข็งในการต่อต้านสูงของกัมพูชา ก่อนถึงห้วงเวลาหยุดยิง ฝ่ายไทยพบอุปสรรคได้แก่ สนามทุ่นระเบิด จนมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ และอำนาจกำลังยิงสนับสนุนที่รุนแรงหนาแน่นมากบริเวณนั้น ในห้วงสุดท้ายพื้นที่การเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าว จึงถูกกำหนดเป็นพื้นที่สังหาร จึงต้องปรับเป็นการควบคุมด้วยการ ควบคุมพื้นที่ด้วยการยิง ของฝ่ายไทย
โฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า กรณีคำว่าถอยในทางยุทธวิธี เกิดขึ้นได้ในทุกพื้นที่การรบ ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ประสาทตาควาย โดยทั่วไปการเคลื่อนที่ในพื้นที่การรบ ย่อมมีทั้งไปข้างหน้า หรือบางจังหวะเป็นการเคลื่อนถอยมาข้างหลัง ไม่ใช่ถอย ในลักษณะ เพื่อจะล้มเลิกความตั้งใจบุกในทางยุทธวิธี ทั้งการรุก การรับ หรือการร่นถอย เป็นรูปแบบการปฏิบัติในทางยุทธวิธีของทหารที่จะมีใช้กันอยู่ในพื้นที่การรบทั้งสิ้น สำหรับกรณีการถอย สามารถถูกใช้เพื่อการสับเปลี่ยนกำลังเพื่อให้หน่วยอื่นเข้ากระทำแทน หรือการถอยเพื่อไม่ให้ข้าศึกบรรลุผลในการใช้อาวุธโจมตีในลักษณะเป้านิ่ง หรือการถอยชั่วเพียงชั่วขณะเพื่อให้ปลอดภัย กรณีจะมีการโจมตีจากทางอากาศ.
กองทัพอากาศแจ้งพบโดรนลอบบินสำรวจฐานทัพ-หน่วยงานรัฐ เข้าข่าย "จารกรรม" โทษสูงสุดถึงประหาร
ขณะที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force ได้รายงานว่า พี่น้องประชาชน ทุกคนคือพลังสำคัญในการ ปกป้องอธิปไตยของชาติ
กองทัพอากาศ ได้ตรวจพบความพยายามในการใช้โดรนบินสำรวจที่ตั้งทางทหารและหน่วยงานราชการจำนวนมากในหลายพื้นที่ที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรงที่ส่อให้เห็นถึงความพยายามในการสอดแนม เพื่อกระทำการสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อโครงสร้างพื้นฐานทางทหารและอาจรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานพลเรือน เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบ Anti Drone ในการทำลายเป้าหมายได้ทันที และผู้ที่กระทำผิด จะเข้าข่ายความผิดฐานจารกรรม/สายลับ ที่กระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร มีบทลงโทษรุนแรง ถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต
ปัจจุบัน สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย กัมพูชา ยังคงต้องเฝ้าระวัง โดรนคือภัยคุกคามที่ร้ายแรงและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและชีวิตประชาชน กองทัพอากาศจึงขอความร่วมมือประชาชนทุกท่านที่พบเห็นหรือทราบเบาะแสเกี่ยวกับการบินของโดรน รวมทั้งผู้ที่บังคับโดรน ที่อาจฝ่าฝืนกฎหมายได้แจ้งสายด่วนความมั่นคง 1374 หรือหน่วยงานราชการใกล้เคียง ได้ตลอด 24 ชม.