เพื่อไทย กางมาตรการ รัฐบาล เยียวยา 2 วิกฤตใหญ่ประเทศ
เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อมูลการมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของรัฐบาล ในสองสถานการณ์สำคัญที่ประเทศกำลังเผชิญว่า ในห้วงเวลาที่ประเทศไทยเผชิญทั้งภัยจากความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา และสถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือ รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนอย่างรอบด้าน ทั้งการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง การบรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงการฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่และกิจการของประชาชนในพื้นที่ประสบภัย
ในส่วนของมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนนั้น ทางรัฐบาลได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยดำเนินการผ่าน 5 กองทุนหลัก ได้แก่
1.กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี
2. กองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
3. เงินเยียวยาจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
4. เงินเยียวยาจากกระทรวงมหาดไทย (ปภ.)
5. การช่วยเหลือจากหน่วยงานตามสิทธิที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อาทิ กระทรวงพลังงาน กระทรวงแรงงาน เป็นต้น
โดยกรณีเสียชีวิต ได้รับการเยียวยารายละ 1,000,000 บาท ,กรณีทุพพลภาพ รายละ 700,000 บาท ,กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท ,กรณีบาดเจ็บมาก รายละ 100,000 บาท และกรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 50,000 บาท
นอกจากนี้ทางกระทรวงการคลังยังได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย
มาตรการธนาคารของรัฐเพื่อประชาชน-ผู้ประกอบการ
- พักชำระหนี้ถึงเดือนธันวาคม 2568
- สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และรีไฟแนนซ์ เช่น ธนาคารออมสิน ให้วงเงินกู้รายย่อย 200,000 บาท ดอกเบี้ย 0.60% ต่อเดือน ผ่อน 12 เดือน
- ธ.ก.ส ให้สินเชื่อฉุกเฉิน 50,000 บาท ดอกเบี้ย MRR ปลอดดอกเบี้ย 6 เดือน และสินเชื่อฟื้นฟูชีวิต 500,000 บาท ดอกเบี้ย MRR–2% ผ่อนยาว 15 ปี
- ธอส. ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี 5 ปีแรก และอัตราพิเศษสำหรับกรณีเสียบ้านทั้งหลัง
มาตรการช่วยเหลือของ ธ.ก.ส. สำหรับครอบครัวทหาร/ตชด. โดย ธ.ก.ส. มีมติอนุมัติชดใช้หนี้ให้กับครอบครัวของทหารและ ตชด. ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีรายละเอียดสำคัญคือ
- ยกหนี้เงินต้นกู้ทุกสัญญา
- ยกหนี้ดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งหมด ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุนจาก ธ.ก.ส.
- ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือ ได้แก่ บิดา–มารดา หรือคู่สมรสของผู้เสียชีวิต ที่เป็นลูกค้าธนาคาร
ส่วนมาตรการช่วย SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย
- ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว. พักหนี้ ลดค่างวด ขยายระยะชำระ และเปิดสินเชื่อ “SME Power Boost” ดอกเบี้ย 3% ต่อปี
- บริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) : ค้ำประกันสินเชื่อสูงถึง 10 ล้านบาท โดยยกเว้นค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก
- EXIM Bank: ขยายเวลาชำระหนี้ 365 วัน ลดดอกเบี้ยสูงสุด 20% และชดเชยวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน
- ธนาคารอิสลามไทย พักชำระเงินต้นและกำไรสูงสุด 12 เดือน และสินเชื่อซ่อมบ้านหรือฟื้นธุรกิจในอัตราดอกเบี้ยต่ำ (เริ่ม 1.99%–3.25%)
ส่วนในกรณีจังหวัดศรีษะเกษ ในพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายจาก กัมพูชายิงจรวด BM-21 ตกในสถานีบริการน้ำมัน ทางกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งประสานให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบแล้ว โดยได้ประสานงาน ดังนี้
- ธนาคารกรุงไทย ได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ประกอบการ เพื่อช่วยเหลือในเรื่องการลดดอกเบี้ย–ยกเว้นดอกเบี้ยชั่วคราว
- บริษัท ทิพยประกันภัย และ กรุงเทพประกันภัย อยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายค่าสินไหมตามกรมธรรม์ที่เกี่ยวข้อง
- กรมธุรกิจพลังงาน และพาณิชย์จังหวัด ส่งเจ้าหน้าที่ช่างตวงวัดเข้าตรวจสอบระบบหัวจ่ายน้ำมันที่เสียหาย
- สำนักงานแรงงานจังหวัด แจ้งสิทธิ์การชดเชยให้แก่ลูกจ้างของปั๊มและร้านค้าในพื้นที่เกิดเหตุ
- ผู้เสียชีวิต 8 ราย ได้มีการส่งเรื่องขอรับเงินช่วยเหลือจาก กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ครบแล้ว
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ส่งทีมวิศวกรและเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารกรุงไทย ดำเนินการสำรวจซ่อมแซม และฟื้นฟูบ้านเรือนและกิจการของประชาชนที่เสียหายอย่างเร่งด่วน และล่าสุดในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยังมีมติชดเชยเยียวยาเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งพรรคจะผลักดัน ติดตามและรายงานให้ทราบถึงความคืบหน้าในรายละเอียดต่อไป
ส่วนกรณีน้ำท่วมในจังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดน่านที่ได้รับผลกระทบหนักจาก พายุโซนร้อนวิภา ซึ่งพัดขึ้นฝั่งในช่วงปลายเดือนกรกฏาคม 2568นั้น รัฐบาลได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเร่งตรวจสอบประเมินค่าเสียหายเพื่อออกมาตรการเยียวยาต่อไป โดยกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการเยียวยาเบื้องต้นแล้ว ด้วยการมอบหมายให้ธนาคารของรัฐทุกแห่ง ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ได้แก่ พักชำระหนี้ ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเหลือฟื้นฟูกิจการของเกษตรกรและ SMEs และได้สั่งการให้กรมธนารักษ์ ยกเว้นค่าเช่าที่ราชพัสดุ ในพื้นที่ซึ่งประสบอุทกภัยใน 6 จังหวัดภาคเหนือ
นอกจากนี้ยังขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จำนวน 6 จังหวัด ดังนี้ 1. จ.น่าน 2. จ.เชียงราย 3. จ.พะเยา 4. จ.ลำปาง 5. จ.เชียงใหม่ 6. จ.แพร่