"เพื่อไทย" ขอม็อบไม่ซ้ำเติมความขัดแย้ง พร้อมแจงปมยึดคืนเขากระโดง
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เผย กรณีการนัดชุมนุมของกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน” ว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันในหลักการพื้นฐานว่า สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย และพรรคพร้อมปกป้องหลักการดังกล่าวอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญความตึงเครียดจากปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา จึงอยากขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการแสดงออกทางการเมือง ซึ่งอาจกระทบต่อความเป็นเอกภาพของสังคมไทยในช่วงเวลาเปราะบางนี้
“พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล พร้อมรับฟังเสียงของประชาชนทุกกลุ่ม แต่ขอให้การเคลื่อนไหวตั้งอยู่บนฐานของความรับผิดชอบต่อส่วนรวม และไม่กลายเป็นชนวนขยายความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศในช่วงเวลาที่ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างสูงสุด” น.ส.ขัตติยา กล่าว
น.ส.ขัตติยา ระบุด้วยว่า อยากขอความร่วมมือสื่อมวลชน และบรรดาเพจอินฟลูเอนเซอร์ ช่วยตรวจ ความถูกต้องของข้อมูลต่างๆ ก่อนที่จะนำเสนอ เนื่องจากเวลานี้มีผู้ไม่หวังดี พยายามทำลายความสามัคคีของคนในชาติ และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้คอยติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางหน่วยงานรัฐเป็นหลัก นอกจากนี้ขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก่อนจะส่งต่อ
รองโฆษกพรรคกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการยึดคืนที่ดินเขากระโดงกลับมาเป็นสมบัติของชาตินั้น การที่มีบางพรรคการเมืองวิพากษ์วิจารณ์ว่านี่เป็นเพียงเกมการเมืองเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เกมการเมือง หรือการตั้งเป้าทำลายล้างกันในทางการเมือง หากเป็นการการรักษาผลประโยชน์ของชาติโดยยึดหลักกฎหมาย ความเป็นธรรม และความโปร่งใส
การดำเนินการในกรณีนี้เกิดจากกระบวนการทางราชการและตรวจสอบความถูกต้องของนิติกรรม มีการตรวจสอบเอกสารสิทธิย้อนหลัง การวินิจฉัยของศาล และการบังคับตามกฎหมายของหน่วยงานรัฐ ซึ่งทุกขั้นตอนดำเนินไปโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช้กลไกรัฐเพื่อจ้องเล่นงานบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ใช้เพื่อทวงคืนสิ่งที่ควรเป็นของประชาชนทุกคนกลับคืนมา
“หากละเลยในกรณีที่มีการรุกล้ำที่ดินของรัฐ หรือถือครองโดยไม่ชอบ แม้เพียงหนึ่งกรณี ก็อาจกลายเป็นบรรทัดฐานที่บั่นทอนหลักนิติธรรมในประเทศ พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า เราจะไม่ปล่อยให้ทรัพยากรของชาติเป็นเครื่องมือของผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ว่าผู้กระทำจะเป็นใคร หรืออยู่ฝั่งใดทางการเมืองก็ตาม” น.ส.ขัตติยา กล่าว