สวนกระแสดิจิทัล! Big Bad Wolf ชี้ "หนังสือเล่ม" คือเซฟโซนคน Gen Z
ท่ามกลางกระแสธารแห่งข้อมูลดิจิทัลที่ไหลเชี่ยว “หนังสือเล่ม” กำลังกลับมาทวงคืนพื้นที่ในใจผู้คนอย่างทรงพลัง และปรากฏการณ์ที่ยืนยันเทรนด์นี้ได้ชัดเจนที่สุดกำลังจะกลับมาอีกครั้ง
มหกรรมหนังสือภาษาอังกฤษระดับโลก Big Bad Wolf Books 2025 ที่จะสร้างจักรวาลแห่งการอ่านครั้งยิ่งใหญ่ให้นักอ่านชาวไทยได้สัมผัส ระหว่างวันที่ 7–17 สิงหาคม 2568 ณ อิมแพ็ค ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี
บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร หนังสือคุณภาพกว่า 2 ล้านเล่มจากสำนักพิมพ์ชั้นนำทั่วโลก จะถูกนำมาเสนอในราคาที่ลดสูงสุดถึง 95% ไม่ใช่เพียงเพื่อการขาย
แต่เพื่อตอกย้ำภารกิจหลักที่ทำมาตลอดทศวรรษ คือการทำให้หนังสือเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้
เมื่อหนังสือคือ ‘การลงทุน’ และ ‘เซฟโซน’ ของคนรุ่นใหม่
สวนกระแสความเชื่อที่ว่าเทคโนโลยีจะทำให้หนังสือเล่มหายไป ข้อมูลจาก Grand View Research กลับชี้ให้เห็นภาพที่แตกต่างว่า
อุตสาหกรรมหนังสือทั่วโลกมีมูลค่ามหาศาลถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
เทรนด์นี้สะท้อนชัดในประเทศไทย ผลสำรวจล่าสุดชี้ว่าคนไทยใช้เวลาอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเฉลี่ยถึง 113 นาทีต่อวัน
หนังสือแนวพัฒนาตนเอง จิตวิทยา และนิยาย ยังคงครองใจผู้อ่าน ขณะที่ความสนใจในหนังสือภาษาอังกฤษก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ การที่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z เลือกที่จะ "Social Detox" ด้วยการหลีกหนีจากหน้าจอและหันกลับมาสู่ความสงบของการอ่านหนังสือเล่ม
ในขณะเดียวกัน กระแส #BookTok บนแพลตฟอร์ม TikTok ได้กลายเป็นเครื่องมือจุดประกายให้วัยรุ่นหันมาสนใจการอ่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สิ่งนี้พิสูจน์ว่าการอ่านไม่ได้หายไปไหน แต่กำลังวิวัฒนาการและกลับมาอย่างทรงพลังในฐานะเครื่องมือสร้างแรงบันดาลใจและความสุขในยุคดิจิทัล
โมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนโลกการอ่าน
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อปี 2009 ปัจจุบัน Big Bad Wolf Books ได้เดินทางไปสร้างปรากฏการณ์ใน 17 ประเทศทั่วโลก
และสำหรับประเทศไทยเพียงแห่งเดียว สามารถสร้างยอดขายสะสมได้มากกว่า 10 ล้านเล่มนับตั้งแต่ปี 2016
แจ็คเกอลีน อึ๊ง (Jacqueline Ng) ผู้ร่วมก่อตั้ง Big Bad Wolf Books กล่าวถึงหัวใจสำคัญของภารกิจนี้ว่า “
เราเชื่อว่าหนังสือไม่ควรต้องแพง เพราะหนังสือดีๆ หนึ่งเล่มสามารถเปลี่ยนชีวิตคนหนึ่งคนได้จริง นี่คือเหตุผลที่เรากลับมาที่เมืองไทยทุกปี เพื่อสร้างนักอ่านรุ่นใหม่ และทำให้การอ่านเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้”
โมเดลธุรกิจที่ทำให้ภารกิจนี้เป็นจริงคือการคัดสรร “Remainder Book” หรือหนังสือคุณภาพดีที่พิมพ์เกินจำนวนจากสำนักพิมพ์ชั้นนำ มาจำหน่ายในราคาที่เข้าถึงง่าย
ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาความคุ้มค่า แต่ยังเป็นการทลายกำแพงและสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงความรู้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ Big Bad Wolf Books ในไทยไม่ได้เกิดขึ้นเพียงลำพัง แต่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรคนสำคัญอย่าง Plan for Kids ที่ช่วยคัดสรรหนังสือเด็กและสื่อการเรียนรู้คุณภาพ เพื่อสนับสนุนให้ทุกครอบครัวสามารถสร้าง “มุมหนังสือในบ้าน” ได้ง่ายขึ้น
คุณริสรวล อร่ามเจริญ กรรมการผู้จัดการ Plan for Kids ย้ำว่า “การมีหนังสืออยู่ใกล้ตัวตั้งแต่วัยเยาว์คือการวางรากฐานความคิดและจินตนาการที่มั่นคง งานนี้คือโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวไทย”
ขณะเดียวกัน Silkworm Books สำนักพิมพ์อิสระชั้นนำของไทย ได้เข้ามามีบทบาทในการคัดเลือกหนังสือภาษาไทยคุณภาพดีจากสำนักพิมพ์ต่างๆ เข้าร่วมในเทศกาลระดับโลกครั้งนี้
คุณตรัสวิน จิตติเดชารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักพิมพ์ Silkworm Books มองว่า “งานนี้ไม่ใช่แค่การขายหนังสือ แต่คือการขยายโอกาสและเชื่อมโยงหนังสือจากทั่วโลกสู่นักอ่านชาวไทย ช่วยเติมพลังให้ระบบนิเวศของวงการหนังสือให้เติบโตอย่างมีชีวิตชีวา”
สำหรับ Big Bad Wolf Books 2025 นอกจากกองทัพหนังสือครบทุกหมวดหมู่ ตั้งแต่นิยาย วรรณกรรมเยาวชน ประวัติศาสตร์ ศิลปะ ธุรกิจ ไปจนถึงหนังสือสะสมหายากแล้ว
ยังมีกิจกรรมพิเศษอย่าง Family Reading Zone และมุมหนังสือแนะนำโดยนักอ่าน พร้อมอำนวยความสะดวกสบายขั้นสุดด้วย รถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่มีสถานีเชื่อมตรงถึงหน้างาน
ทั้งนี้ งาน Big Bad Wolf Books 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7–17 สิงหาคม 2568 เวลา 10:00–22:00 น. ณ อิมแพ็ค ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู ลงสถานีเมืองทองธานี (MT02)