เรืองไกรร้อง ป.ป.ช. สอบ ครม.-ส.ส. ปมผ่านงบปี 69 ขัดรัฐธรรมนูญ
วันที่ 3 ส.ค. 2568 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้รีบส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า คณะรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 จะต้องพ้นจากตำแหน่ง หรือสิ้นสุดสมาชิกภาพตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 1 ส.ค. หรือไม่
นอกจากนี้ ยังขอให้ตรวจสอบว่า ส.ส. 121 คนที่ร้องเรียน และสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อ อาจเข้าข่ายกระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 234 (1) หรือไม่
ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสนอและแปรญัตติโครงการงบประมาณ 3 รายการ ได้แก่ โครงการเยาวชนและโครงการสตรีในงบปี 69 มีพฤติการณ์เข้าข่าย ส.ส. ใช้งบประมาณเพื่อประโยชน์ของตนเองโดยตรงหรือโดยอ้อม ซึ่งฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง ทำให้สมาชิกภาพของนายพิเชษฐ์สิ้นสุดลงทันที พร้อมตัดสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี
นายเรืองไกรชี้ว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวไม่ได้จำกัดเฉพาะตัวนายพิเชษฐ์ เพราะร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 69 ฉบับนี้ ผ่านมติ ครม. เมื่อวันที่ 20 พ.ค. โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามเสนอ
ในร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 มาตรา 30 ลำดับที่ 3 มีงบของสภาฯ รวมอยู่ด้วย เช่น รายการในเล่มที่ 15 (ขาวคาดแดง) หน้า 48 ข้อ 3. ระบุแผนงานส่งเสริมประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน วงเงิน 864.27 ล้านบาท
แม้ ส.ส. ฝ่ายค้านได้อภิปรายตั้งแต่ในวาระหนึ่งแล้วว่า งบประมาณบางรายการไม่เหมาะสม แต่ ครม. ไม่ถอนร่างกลับมาแก้ไข และ ส.ส. ส่วนใหญ่ยังลงมติเห็นชอบถึง 322 เสียง
ดังนั้น นายเรืองไกรเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครอบคลุมทั้งกระบวนการจัดทำงบประมาณของ ครม. และการพิจารณาของ ส.ส. ไม่ควรพิจารณาเพียงแค่นายพิเชษฐ์คนเดียว
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ครม. มีส่วนร่วมในร่างงบฯ ที่เกี่ยวข้องกับนายพิเชษฐ์ และ ส.ส. ก็เห็นชอบทั้งที่รู้ถึงข้อกังขา แต่ยังไม่แก้ไขหรือคัดค้าน ถือเป็นการละเลยหน้าที่และอาจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144
จึงจำเป็นต้องร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสี่ อย่างเร่งด่วน