ส่องประวัติ อัลบาโร่ การ์เรราส ดาวรุ่งที่ได้หวนกลับสู่ราชันชุดขาวอีกครั้ง
หากจะมีการย้ายทีมสักรายในตลาดนักเตะซัมเมอร์ 2025 ที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ได้ย้ายมาเล่นให้กับทีมใหญ่ระดับ เรอัล มาดริด ก็น่าจะมี อัลบาโร่ การ์เรราส รวมอยู่ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเขาแทบไม่ได้เป็นที่รู้จักเลยก่อนหน้านี้ เพราะอยู่ในสถานะแข้งดาวรุุ่งมาโดยตลอด แม้กระทั่งช่วงที่เล่นให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตาม จะมีก็แต่แฟนบอลสายลึกที่ตามดูฟอร์มนักเตะในทีมเยาวชนด้วย ที่อาจจะได้เห็นเจ้าตัวลงสนามในทีมยู 23 อยู่บ้าง
แต่วันนี้ อัลบาโร่ การ์เรราส ได้กลับมาอยู่กับทีมที่เขาเคยอยู่ในระบบเยาวชนอย่าง เรอัล มาดริด อีกครั้ง และกลับมาด้วยราคาที่สูงถึง 50 ล้านยูโร โดยใช้เวลาออกไปผจญภัยในโลกกว้างเพียง 5 ปีเท่านั้น
วันนี้เราจะมาส่องประวัติของ อัลบาโร่ การ์เรราส กันหน่อยว่าเส้นทางอาชีพที่ผ่านมาของเขาเป็นอย่างไร และทำไม เรอัล มาดริด ถึงต้องดึงเขากลับมาร่วมทีมอีกครั้ง
อัลบาโร่ การ์เรราส ฟอร์มินญาน เกิดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2003 ที่เมืองเฟร์โรล แคว้นกาลิเซีย ประเทศสเปน ปัจจุบันอายุเพียง 22 ปี เขาคือนักฟุตบอลดาวรุ่งพุ่งแรงในตำแหน่งแบ็กซ้าย ที่โดดเด่นด้วยความเร็ว พลังงาน และความสามารถในการเติมเกมรุก ด้วยวัยเพียงน้อยนิด การ์เรราส ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในยุโรป และมีเส้นทางอาชีพที่น่าสนใจจากสโมสรเล็กๆ สู่ทีมยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ และการสร้างชื่อในเวทีระดับสูง ก่อนจะได้กลับมาเล่นให้ เรอัล มาดริด ทีมที่เขาเคยอยู่ในระดับเยาวชนอีกครั้ง
วัยเด็กและการเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอล
การ์เรราสเริ่มหลงใหลในฟุตบอลตั้งแต่วัยเด็ก เขาเข้าร่วมทีมเยาวชนของ ราซิ่ง เด เฟร์โรล สโมสรท้องถิ่นในบ้านเกิดในปี 2007 ในตอนที่มีอายุเพียง 4 ขวบเท่านั้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการบ่มเพาะทักษะและเรียนรู้พื้นฐานของเกมฟุตบอล เขาอยู่ที่นี่นานถึง 5 ปี แต่พรสวรรค์ของเขาก็ฉายแววชัดเจน ที่น่าสนใจก็คือเขาเริ่มจากการเล่นเป็นกองหน้าก่อน และทำประตูได้มากระดับ 100 ลูกต่อฤดูกาล ตรงนี้เองที่ทำให้แมวมองจากสโมสรที่ใหญ่กว่าในสเปนเริ่มให้ความสนใจ
ในปี 2012 ด้วยวัยเพียง 11 ปี การ์เรราสได้ย้ายไปร่วมทีมเยาวชนของ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า หนึ่งในสโมสรเก่าแก่และมีชื่อเสียงในแคว้นกาลิเซีย การย้ายครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในอาชีพของเขา เพราะได้มีโอกาสฝึกฝนในระบบเยาวชนที่มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น และเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น เขาใช้เวลา 5 ปีในการพัฒนาตัวเองที่ ลา กอรุนญ่า โดยเน้นการฝึกซ้อมที่หลากหลาย ทั้งการเสริมสร้างร่างกาย เทคนิค และความเข้าใจในแท็คติก ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับอนาคตของเขา และที่นี่เองที่ทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนไปเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับทีมเยาวชนของ เรอัล มาดริด ในปี 2017
ก้าวสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาของเขากับ เรอัล มาดริด แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันนาน 3 ปี แต่ การ์เรราส ก็ยังไม่สามารถขยับขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ จากนั้น จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของ อัลบาโร่ การ์เรราส มาถึงในปี 2020 ในวันที่เขาอายุ 17 ปี และในช่วงที่ฟุตบอลทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 แต่เส้นทางอาชีพของเขากลับสวนทาง เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เล็งเห็นถึงศักยภาพของแบ็กซ้ายดาวรุ่งรายนี้ แม้ การ์เรราส จะยังไม่เคยลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ เรอัล มาดริด เลยก็ตาม แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตัดสินใจดึงตัวเขามาร่วมทีมเยาวชนของสโมสร
การย้ายสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ เพราะเป็นการออกจากประเทศบ้านเกิดอย่างสเปน มาเล่นในประเทศที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม, ผู้คน หรือสภาพอากาศ การ์เรราส เริ่มต้นกับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยู 23 หรือทีมสำรองของสโมสรทันที เขาปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน วิ่งขึ้นวิ่งลงได้ตลอดทั้งเกม และความสามารถในการเปิดบอลจากริมเส้นได้อย่างแม่นยำ ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในทีมปีศาจแดงชุดเล็ก และเป็นที่จับตามองของผู้จัดการทีมชุดใหญ่
ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในอะคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การ์เรราส ได้รับโอกาสฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่หลายครั้ง ซึ่งทำให้เขาได้เรียนรู้จากนักเตะระดับโลก และซึมซับบรรยากาศการฝึกซ้อมในระดับสูงสุด แม้จะยังไม่มีโอกาสประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมอย่างเป็นทางการ แต่ประสบการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่ช่วยยกระดับฝีเท้าและทัศนคติความเป็นมืออาชีพของเขา
เพื่อพัฒนาฝีเท้าและสั่งสมประสบการณ์การเล่นในฟุตบอลอาชีพอย่างต่อเนื่อง แมนฯ ยูไนเต็ด จึงตัดสินใจปล่อยตัว การ์เรราส ให้ยืมตัวไปยังสโมสรต่างๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ใช้บ่อยกับนักเตะดาวรุ่งที่มีศักยภาพสูง
เปรสตัน นอร์ท เอนด์ (ฤดูกาล 2022/2023)
ในฤดูกาล 2022/2023 การ์เรราส ถูกส่งไปให้ เปรสตัน นอร์ท เอนด์ สโมสรในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ยืมตัวไปใช้งาน นี่คือโอกาสแรกของเขาในการลงเล่นในฟุตบอลอาชีพอย่างสม่ำเสมอ และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง การ์เรราส ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ เปรสตัน เขาลงเล่นไปถึง 42 นัดรวมทุกรายการ (39 นัดใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ) โดยทำไปทั้งสิ้น 6 แอสซิสต์ และได้รับรางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร นี่เป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถและผลงานอันโดดเด่นของเขา
การเล่นใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ช่วยให้ การ์เรราส ได้พัฒนาในหลาย ๆ ด้าน ทั้งความแข็งแกร่งทางร่างกาย การตัดสินใจภายใต้แรงกดดัน และการเล่นเกมรับที่รัดกุมขึ้น ประสบการณ์นี้ทำให้เขากลายเป็นแบ็กซ้ายที่ครบเครื่องมากขึ้น และเป็นที่ต้องการของหลายสโมสร
กรานาด้า (ครึ่งฤดูกาลแรก 2023/2024)
หลังจากการทำผลงานที่น่าประทับใจกับ เปรสตัน การ์เรราส ได้รับโอกาสที่น่าตื่นเต้นอีกครั้งในฤดูกาล 2023/2024 เมื่อเขาถูกส่งกลับไปที่สเปนเพื่อยืมตัวกับ กรานาด้า ซึ่งในเวลานั้นอยู่ในระดับ ลา ลีกา สเปน การได้กลับมาเล่นในบ้านเกิดและในลีกสูงสุดถือเป็นความท้าทายใหม่ที่สำคัญ เขาได้เผชิญหน้ากับนักเตะระดับโลก และได้สัมผัสกับสไตล์ฟุตบอลสเปนที่เน้นเทคนิคและการครองบอล
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาของเขากับ กรานาด้า ไม่ได้ราบรื่นนัก เขาได้ลงเล่นไป 13 นัดใน ลา ลีกา ก็จริง แต่ได้เป็นตัวจริงแค่ 5 เกม ส่วนใน โกปา เดล เรย์ ได้ลงเล่นไป 1 นัด ซึ่งถือว่าไม่มากนัก เขาไม่สามารถเบียดตำแหน่งตัวจริงในเวลานั้นได้ แต่ถึงกระนั้น ประสบการณ์ใน ลา ลีกา ก็ยังคงเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาของเขา ทำให้ในเดือนมกราคม 2024 แมนฯ ยูไนเต็ด เรียกตัวเขากลับไปที่สโมสรอีกครั้ง
ย้ายสู่ เบนฟิก้า ก้าวสำคัญในอาชีพ
หลังถูกเรียกตัวกลัมาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเดือนมกราคม 2024 เพียงแค่ 3 วันให้หลัง การ์เรราส ก็ถูกปล่อยให้ เบนฟิก้า ทีมดังของโปรตุเกสยืมไปใช้งานต่อในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2023/24 ซึ่งถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะได้ลงเล่นไป 16 เกมรวมทุกรายการ และไม่ได้เป็นตัวจริงทุกนัด แต่ก็ทำไป 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ และสร้างความประทับใจให้กับ เบนฟิก้า ได้ ทำให้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2024 เบนฟิก้า จัดการคว้าตัว การ์เรราส ร่วมทีมเป็นการถาวร ด้วยสัญญา 4 ปีครึ่ง พร้อมค่าตัว 6 ล้านยูโร การย้ายครั้งนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญสำหรับอนาคตของเขา
เพราะที่นี่ การ์เรราส ได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง เขากลายเป็นตัวจริงของทีมทันทีในฤดูกาล 2024/25 เขาปรับตัวเข้ากับฟุตบอลโปรตุเกสได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วและความคล่องตัว เขาเป็นส่วนสำคัญในการเติมเกมรุกทางฝั่งซ้ายของทีม และยังคงแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในเกมรับ การ์เรราส ได้ลงเล่นไปถึง 52 เกมรวมทุกรายการ ทำไป 4 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ พร้อมกับช่วยให้ เบนฟิก้า คว้าแชมป์ โปรตุกีส คัพ มาครองได้อีกด้วย
หวนกลับสู่ เรอัล มาดริด
หลังโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ เบนฟิก้า ก็มีรายงานข่าวเป็นระยะว่า เรอัล มาดริด หนึ่งในสโมสรเก่าของเขาสมัยที่ยังเป็นเยาวชนได้แสดงความสนใจอย่างจริงจัง แม้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีเงื่อนไขในการซื้อตัวเขากลับไปร่วมทีมอีกครั้ง แต่ทีมปีศาจแดงไม่ได้สนใจที่จะใช้ออปชั่นในข้อนี้ ทำให้การเจรจาย้ายทีมดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่ล่าสุด ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2025 การ์เรราส ก็ได้ย้ายกลับมาร่วมทีมราชันชุดขาวอีกครั้ง ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 50 ล้านยูโร หรือกว่า 1,887 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับตอนที่เขาย้ายไป เบนฟิก้า ที่ราคา 6 ล้านยูโร ซึ่งเกิดขึ้นเพียงแค่ 1 ปีก่อน โดยเขาได้เซ็นสัญญายาว 6 ปีจนถึงปี 2031
หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ เรอัล มาดริด การ์เรราส ได้เปิดใจว่า "มันมีความหมายอย่างมากที่ได้เติมเต็มความฝัน ได้กลับมายังบ้านที่เคยเป็นของผม ผมต้องการเริ่มต้นความท้าทายใหม่นี้จริงๆ"
ด้วยวัยเพียง 22 ปี อัลบาโร่ การ์เรราส ยังมีเส้นทางอาชีพอีกยาวไกลรออยู่ และการได้ย้ายกลับมาที่ เรอัล มาดริด อีกครั้งหลังจากไปเพียง 5 ปี แถมไม่ได้กลับมาแบบราคาถูกๆ คือบทพิสูจน์แล้วว่าเขาเป็นนักเตะที่คุณค่าอย่างแท้จริง หลังจากนี้ต้องมาติดตามกันว่าเส้นทางอาชีพของเขากับ เรอัล มาดริด จะไปได้ไกลอย่างที่ฝันไว้หรือไม่ เพราะปัจจุบัน การ์เรราส ยังไม่เคยติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่ แต่การได้เล่นให้กับ เรอัล มาดริด คือจุดแข็งสำคัญ ถ้าเขายึดตำแหน่งตัวจริงได้ นอกจากแชมป์รายการใหญ่ๆ ที่กำลังรอคอยอยู่ เส้นทางในระดับทีมชาติก็จะเปิดออกด้วยเช่นเดียวกัน…
ข่าวที่เกี่ยวข้อง