โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

ไทยป่วยเบาหวาน พุ่ง! 6.5 ล้านคน ชูแนวคิด iPDM ดูแลผู้ป่วยเบาหวานไทย

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ไทยป่วยเบาหวาน พุ่ง! ประมาณ 6.5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 และ 40% ไม่ทราบว่าตัวเองป่วย ชูแนวคิด iPDM ปรับโฉมดูแลผู้ป่วยเบาหวานไทย

ไทยป่วยเบาหวาน พุ่ง! ประมาณ 6.5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 และ 40% ไม่ทราบว่าตัวเองป่วย ชูแนวคิด iPDM ปรับโฉมดูแลผู้ป่วยเบาหวานไทย

สถานการณ์โรคเบาหวานในปัจจุบัน

โรคเบาหวานเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของทั่วโลกและมีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุเกิดจากการดำเนินชีวิตและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ข้อมูลจาก Diabetes Atlas ฉบับที่ 11 ของสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation: IDF) ล่าสุดพบว่า ทั่วโลกมีผู้ใหญ่เกือบ 1 ใน 9 ราย (หรือ 589 ล้านคน) กำลังใช้ชีวิตอยู่กับโรคเบาหวาน โดยในจำนวนนี้ มีประมาณ 252 ล้านคนที่ยังไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะเบาหวาน ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และหลายคนมักจะได้รับการวินิจฉัยเมื่อพวกเขาเกิดอาการจากภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องอย่างน้อยหนึ่งอย่างไปแล้ว และทำให้พลาดโอกาสในการป้องกันหรือชะลอการเกิดโรค

ข้อมูลประมาณการผู้ป่วยโรคเบาหวานครั้งล่าสุดที่น่าตกใจจาก IDF แสดงให้เห็นว่า

-ผู้ใหญ่ 589 ล้านคน (อายุระหว่าง 20-79 ปี) ทั่วโลกกำลังใช้ชีวิตอยู่กับโรคเบาหวาน ซึ่งมากกว่าจำนวนประชากรของสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก และแคริบเบียนรวมกัน

-จำนวนผู้ใหญ่ที่เป็นเบาหวานโดยประมาณ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจนถึง 853 ล้านคนภายในปี 2593

-ผู้ใหญ่ 3 ใน 4 รายที่เป็นเบาหวานอาศัยอยู่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง (LMICs)

-โรคเบาหวานเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของผู้คนกว่า 3.4 ล้านรายต่อปี

-ผู้ใหญ่ 1 ใน 8 รายมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2

-เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 1.8 ล้านคน กำลังใช้ชีวิตอยู่กับเบาหวานชนิดที่ 1

สถิติที่น่าสนใจ โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในความท้าทายด้านสุขภาพที่เร่งด่วนที่สุดในปัจจุบัน

-ภายในปี 2050 สมาคมเบาหวานนานาชาติ (IDF) คาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกเกือบ 853 ล้านคน โดยมากกว่า 20% มาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

-คาดว่าร้อยละ 95 ของการเพิ่มขึ้นนี้จะเกิดขึ้นในประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง

-จากจำนวนผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกในปัจจุบันที่มี 589 ล้านคน มีถึงร้อยละ 40 ที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย

-ค่าใช้จ่ายด้านการดูแลรักษาโรคเบาหวานทั่วโลกเกินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ซึ่งสร้าง ภาระทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

-ยังคงมีภารกิจสำคัญอีกมากในการช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน เพื่อให้มั่นใจว่าการรักษาและการดูแลที่เป็นธรรม ครอบคลุม ราคาไม่แพง และมีคุณภาพ จะพร้อมสำหรับทุกคนที่ได้รับการวินิจฉัยโรค

สถานการณ์โรคเบาหวานในประเทศไทย

ขณะที่ประเทศไทย มีผู้ป่วยเบาหวานประมาณ 1 ใน 10 คน หรือประมาณ 6.5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 และ 40% ไม่ทราบว่าตัวเองป่วย สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการคัดกรองเบื้องต้น การติดตามผล และการเข้าถึงการรักษาที่เท่าเทียมและทันสมัย และมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยไทยไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสม เนื่องจาก ช่องว่างในการคัดกรองและการรักษา ทำให้ในปัจจุบัน ประเทศไทยเผชิญความท้าทายในการเข้าถึงยารักษาและเทคโนโลยีติดตามอาการใหม่ๆ อย่างเท่าเทียมโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท

วิวัฒนาการของการจัดการโรคเบาหวาน

การจัดการโรคเบาหวานมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดจากการตรวจปัสสาวะในยุคเริ่มต้น ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีและโซลูชันดิจิทัลใหม่ๆ ทำให้การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง (SMBG) ผ่านการเจาะนิ้ว เป็นวิธีที่ได้รับคำแนะนำและแพร่หลายที่สุดสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 โดยการใช้งานร่วมกับแอปสุขภาพบนมือถือช่วยให้ผู้ป่วยสามารถบันทึกข้อมูลสำคัญต่างๆ เช่น การฉีดอินซูลิน การรับประทานยา และมื้ออาหาร และสามารถแชร์กับแพทย์ได้แบบเรียลไทม์

อย่างไรก็ตาม ระบบตรวจน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง (CGM) ได้กลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการจัดการโรคเบาหวาน ด้วยความสามารถในการให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลได้อย่างทันท่วงที แต่ถึงกระนั้น การควบคุมน้ำตาลในเลือดอย่างมีประสิทธิภาพก็ยังเป็นช่องว่างสำคัญ เนื่องจากผู้ป่วยอาจยังมีภาวะน้ำตาลต่ำ ภาวะแทรกซ้อน และคุณภาพชีวิตที่ถดถอยจากการขาดความรู้ การไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ หรือการไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสม

แนวคิด Integrated Personalised Diabetes Management (iPDM) หรือ การบริหารจัดการโรคเบาหวานแบบบูรณาการเฉพาะบุคคล จึงถูกพัฒนาขึ้น เพื่อช่วยผู้ป่วยควบคุมชีวิตประจำวันด้วยการจัดการแบบครบวงจร ตั้งแต่การวัดระดับน้ำตาล การจดบันทึกดิจิทัล ไปจนถึงการออกแบบแผนการรักษาเฉพาะตัว ซึ่งส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วย และช่วยให้ตัดสินใจในการรักษาได้แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประโยชน์ที่พิสูจน์ได้ของ iPDM และเทคโนโลยีดิจิทัลด้านเบาหวาน

iPDM และ CGM ช่วยให้ผู้ป่วยในประเทศที่พัฒนาแล้วสามารถเชื่อมโยงการสนับสนุนจากแพทย์เข้ากับการจัดการในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วยมีเวลาที่ระดับน้ำตาลอยู่ในช่วงที่ปลอดภัยมากขึ้น ลดเวลาที่น้ำตาลต่ำ และลดโอกาสเกิดภาวะน้ำตาลต่ำรุนแรง แต่ในประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง (LMICs) การนำ iPDM มาใช้ยังถูกจำกัดจากทรัพยากรที่จำกัด บุคลากรผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงพอ และขาดประสบการณ์ในการปฏิบัติในระบบสุขภาพจริง

ศาสตราจารย์จูเลียนา ชาน ผู้อำนวยการสถาบันโรคเบาหวานและโรคอ้วนแห่งมหาวิทยาลัยจีนฮ่องกง กล่าวว่า “CGM ได้ปฏิวัติการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน แต่ในประเทศรายได้ต่ำยังมีปัญหาในการเข้าถึงเครื่องมือ ความรู้ และการสนับสนุนที่จำเป็น หากจะอุดช่องว่างนี้ เราต้องสร้างความตระหนัก ส่งเสริมการคัดกรองเชิงรุก และดูแลผู้ป่วยแบบเฉพาะบุคคล โดยใช้เทคโนโลยีเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับการรักษาจริง”

บางโครงการนำร่องในประเทศ LMICs พบว่า เทคโนโลยีดิจิทัลสามารถลดช่องว่างของความรู้และการนำไปใช้ได้จริง ทำให้การประสานงานด้านการรักษาระหว่างทีมสหสาขาวิชาชีพมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังประหยัดงบประมาณอีกด้วย ตัวอย่างในประเทศไทย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้ศึกษาประสิทธิภาพของการดูแลผ่านระบบทางไกล พบว่าผู้ป่วยที่ใช้เทคโนโลยีสามารถควบคุมน้ำตาลได้ดีกว่ากลุ่มที่จดบันทึกด้วยกระดาษ ทั้งในระยะ 12 และ 24 สัปดาห์

ด้าน รศ.นพ.เพชร รอดอารีย์ เลขาธิการสมาคมเบาหวานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “หลายประเทศ รวมถึงไทย กำลังเผชิญวิกฤตเบาหวาน มีผู้ป่วยจำนวนมากยังไม่ได้รับการวินิจฉัย โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลหรือกลุ่มเปราะบาง การขาดแคลนเครื่องมือและยาใหม่ๆ เป็นอุปสรรคสำคัญ โครงการนำร่องแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีอย่าง CGM และแอปการจัดการภาวะเบาหวานสามารถยกระดับการมีส่วนร่วมของผู้ป่วยและควบคุมโรคได้ดีขึ้น หากเราเร่งลงทุนและขยายการเข้าถึง เทคโนโลยีเหล่านี้จะเชื่อมโยงความรู้ทางการแพทย์กับชีวิตจริง ทำให้ผู้ป่วยจัดการโรคได้ด้วยตนเองและมีสุขภาพที่ดีขึ้น”

อีกกรณีศึกษาจากอินเดียที่ Jothydev’s Diabetes Research Centre ได้ใช้ระบบดูแลเบาหวานทางไกล (DTMS) ด้วยการติดตามระดับน้ำตาลและการโค้ชแบบเฉพาะบุคคล โดยใช้งบเพียงเดือนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการดูแลที่มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง และคุ้มค่าต่อการลงทุน

ขณะที่ นพ.โจธีเดฟ เคซาวาเดฟ ประธานศูนย์เบาหวานในรัฐเกรละ กล่าวว่า “เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในการดูแลเบาหวาน คือสิ่งที่มีอยู่ในวันนี้ หากเราบูรณาการเครื่องมือที่ชาญฉลาดเข้ากับระบบสุขภาพ จะช่วยให้ดูแลโรคเบาหวานได้อย่างคุ้มค่า ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

ทหารไทยเหยียบกับระเบิด! บาดเจ็บ 3 นาย ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว

36 นาทีที่แล้ว

หวยงวดนี้ออกอะไร? ฮาย อาภาพร โชว์ลอตเตอรี่ปึกใหญ่ บอกเรียกคุณหญิงรอเลย

44 นาทีที่แล้ว

หุ้นดาวโจนส์วันนี้ 17 กรกฎาคม 2568 ปิดบวก 231.49 จุด ขานรับทรัมป์ปฏิเสธข่าวปลดพาวเวล

54 นาทีที่แล้ว

ฝนตกหนัก! อุตุฯ เตือนฉบับ 1 ฝนเพิ่มขึ้น เปิดรายชื่อ 16 จังหวัดรับมือ 19-24 ก.ค.

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

Wind-Down Routine เทคนิคหลอกร่างกายให้ง่วง แก้ปัญหานอนยาก นอนไม่หลับ

TNN ช่อง16

โรคพิษสุนัขบ้า (1 ม.ค.-2 ก.ค. 68) พบผู้ป่วย 7 ราย เสียชีวิตทั้ง 7 ราย

Amarin TV

นิทรรศการสัญจร 'FAKE OR FRESH?' สู้ภัยบุหรี่ไฟฟ้า ปลูกภูมิคุ้มกันเด็ก

กรุงเทพธุรกิจ

คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ผนึก GSK ดันโมเดลรักษา “หืด-ปอดอุดกั้น”

ฐานเศรษฐกิจ

ธุรกิจความงามโตสวนเศรษฐกิจ TRP ทุ่ม 630 ล้าน เปิด “รพ.ธีรพร” ศัลยกรรมเฉพาะ

ฐานเศรษฐกิจ

น่าห่วง! 'เด็กไทย 41%' ถูกบูลลี่ออนไลน์ สูงกว่าชาติอื่น

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

เตือนคนป่วย “เบาหวาน” โลกร้อนอาจทำให้ร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม

TNN ช่อง16

เปิดตัว "บาร์บี้เบาหวานชนิดที่ 1" ติดอุปกรณ์ทางการแพทย์

TNN ช่อง16

เบาหวานหายได้ รู้กลไกร่างกาย ปรับเปลี่ยนวิถีดูแลสุขภาพ

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...