ทรัมป์ ขู่ตรวจสอบเงินอุดหนุนบริษัท “อีลอน มัสก์” เพื่อประหยัดงบรัฐ
วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรอยเตอร์ รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จุดประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังโพสต์ผ่าน Truth Social เสนอให้หน่วยงานของรัฐตรวจสอบเงินอุดหนุนที่บริษัทของอีลอน มัสก์ ได้รับจากรัฐบาล โดยระบุว่า หากไม่มีเงินสนับสนุนเหล่านี้ มัสก์อาจต้องปิดกิจการ และประเทศจะประหยัดงบประมาณจำนวนมหาศาล
“อีลอนอาจได้รับเงินอุดหนุนมากกว่าคนอื่นในประวัติศาสตร์ และถ้าไม่มีสิ่งนี้ เขาคงต้องกลับบ้านที่แอฟริกาใต้ ไม่มีจรวด ไม่มีดาวเทียม ไม่มีรถยนต์ไฟฟ้า” ทรัมป์โพสต์ พร้อมเสนอว่า “อาจถึงเวลาที่กรมประสิทธิภาพรัฐบาลกลาง (DOGE) ควรเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง”
โดยท่าทีดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งวัน หลังจากมัสก์ โพสต์วิจารณ์ร่างกฎหมายลดภาษีและเพิ่มงบประมาณของทรัมป์ว่า “บ้าคลั่งและทำลายล้าง” พร้อมประกาศจะโค่นสมาชิกรัฐสภาที่สนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว แม้เคยหาเสียงว่าจะลดการใช้จ่ายภาครัฐ
หลังจากนั้นมัสก์ได้ตอบกลับทรัมป์ทันทีในแพลตฟอร์ม X โดยระบุสั้น ๆ ว่า “ตัดให้หมดเลย เดี๋ยวนี้”
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับมัสก์ เริ่มร้าวลึกตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน จากกรณีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องกฎหมาย ซึ่งนักวิเคราะห์อิสระประเมินว่าจะเพิ่มหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ราว 3 ล้านล้านดอลลาร์
สำหรับมัสก์เป็นเจ้าของ SpaceX บริษัทอวกาศที่มีสัญญากับรัฐบาลสหรัฐฯ ราว 22,000 ล้านดอลลาร์ และยังมีโครงการดาวเทียม Starlink รวมถึงบริษัท Tesla ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมาหลายโครงการ กระแสความขัดแย้งกับทรัมป์ยังส่งผลต่อหุ้น Tesla อย่างมีนัยสำคัญ โดยเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา หุ้นร่วงลงถึง 150,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการตกต่ำที่สุดในวันเดียวในประวัติศาสตร์ของบริษัท แม้ภายหลังจะเริ่มฟื้นตัว ขณะที่หุ้น Tesla ในตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ร่วงลงอีก 5% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
มัสก์ยังประกาศเดินหน้าทางการเมืองอย่างจริงจัง โดยเตือนว่าสมาชิกรัฐสภาที่สนับสนุนร่างงบประมาณนี้จะ “หมดอนาคตในการเลือกตั้งขั้นต้น” พร้อมเรียกร้องให้ตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพราะมองว่าการเมืองในสหรัฐฯ ขณะนี้คือ “พรรคหมูเพียงพรรคเดียว”
อย่างไรก็ตาม แม้มัสก์เคยสนับสนุนการเลือกตั้งของทรัมป์ด้วยเงินกว่า 300 ล้านดอลลาร์ และเป็นผู้นำแผนลดงบของ DOGE ในรัฐบาลชุดก่อน แต่การกลับมาวิจารณ์ทรัมป์ครั้งนี้อาจสะเทือนถึงทิศทางการเมืองของพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะในการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2026