ไทยแจง UNSC-กัมพูชายิงก่อน ‘ภูมิธรรม’ ย้ำประณาม ‘ฮุน เซน’
เปิดความเคลื่อนไหวรัฐบาลไทยยื่นหนังสือถึงสหประชาชาติ ชี้แจงข้อเท็จจริง ระบุกัมพูชาเริ่มก่อนและยังละเมิดหลายข้อ ทั้งใช้กับระเบิด ทำร้านพลเรือน โจมตีโรงพยาบาล “ภูมิธรรม” เผยประธานอาเซียน โทร.มาเจรจาหย่าศึก แต่ยันให้กัมพูชายุติก่อน ประณามฮุน เซน-ลูกชาย ทำร้ายประชาชนไร้อาวุธ พร้อมส่ง รมต.ลงทุกพื้นที่การปะทะเข้าไปดูแลใกล้ชิด ด้าน กต.แจงนักข่าวต่างชาติกัมพูชาเริ่มก่อน มีหลักฐานชัดเจน โวยละเมิดทุกกฎ ทำร้ายพลเรือน-ถล่มโรงพยาบาล
ไทยส่งหนังสือชี้แจงถึง UNSC
ตามที่เกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ (UN) ดำเนินการในส่วนของไทยทันที โดยส่งหนังสือ 3 ฉบับ แบ่งเป็นฉบับแรกหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ให้กับ นายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้สมาชิกคณะผู้แทนถาวรของสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดรับทราบด้วย
ยันกัมพูชาละเมิดใช้กับระเบิด
ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนถาวรไทยยังส่งหนังสือไปถึง นายอันโตนิโอ กูแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งเหตุการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ เก็บสะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว ต่อกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดในวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งกับระเบิดที่พบเป็นของที่เพิ่งถูกวางใหม่ และยังเกิดเหตุซ้ำแม้ว่าไทยจะมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไปก่อนหน้านี้ หลังเกิดเหตุครั้งแรกแล้วก็ตาม จึงขอให้มีการดำเนินการสอบสวนตามข้อกำหนดในอนุสัญญา และขอให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุทหารเหยียบกับระเบิด ฝ่ายไทยได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา ซึ่งได้เรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับประเทศ และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชากลับประเทศไปด้วย ด้านกัมพูชาได้ตอบโต้ โดยลดระดับความสัมพันธ์ให้เหลือเพียงระดับเลขานุการโท เป็นอุปทูตรักษาราชการแทน ประจำสถานทูตกัมพูชาในกรุงเทพมหานคร
UNSC ประชุมปมขัดแย้ง
เวลา 15.00 น. วันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ตามเวลาในนครนิวยอร์ก ซึ่งตรงกับช่วงค่ำของไทย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดประชุมฉุกเฉินซึ่งเป็นการประชุมแบบปิดที่ใช้เวลาราว 15 นาที มีเพียง 15 ชาติสมาชิกของ UNSC ร่วมกับผู้แทนถาวรไทยและกัมพูชาเข้าชี้แจง และกล่าวแถลงการณ์ของแต่ละประเทศ ซึ่งนายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติจะเป็นผู้เข้าร่วมประชุมดังกล่าว
ด้าน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก เข้าร่วมประชุมทางไกล เพื่อเป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือคนไทยในกัมพูชา ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วน
พร้อมสั่งการรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง พร้อมระบุว่าระหว่างร่วมประชุม UN ยืนยันกับประชาคมโลกถึงความอดกลั้นของไทย หลังกัมพูชาไม่จริงใจและละเมิดอธิปไตย โดยการโจมตีไทยต่อเนื่อง ขณะที่กระทรวงคมนาคม ประสาน 7 สายการบินพร้อมรองรับคนไทยในกัมพูชาเดินทางกลับประเทศ ซึ่งมีจำนวนหลายร้อยคน
อันวาร์อาสาเป็นตัวกลางเจรจา
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวกรณีที่ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า พูดคุยกับตนและฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ว่าพูดคุยกันจริงตามที่เป็นข่าว ขณะเดียวกัน นายอันวาร์โพสต์ข้อความและความเห็นต่าง ๆ ในฐานะประธานอาเซียน โดยพยายามที่จะเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหา เราคุยกันในหลักการ และเห็นว่าควรจะหาทางยุติการปะทะและการเผชิญหน้ากัน
ประณามฮุน เซน ทำร้ายพลเรือน
นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า รัฐบาลและกองทัพจึงพยายามใช้ความอดทนอดกลั้นในการแก้ไขปัญหา หากนายอันวาร์เสนอมาก็ต้องไปเคลียร์ให้ชัดเจน จนเรามั่นใจว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะไม่เกิดซ้ำซากอีก แต่ตอนนี้เราให้ทหารตรึงกำลัง เพราะฉะนั้นเจตนาที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจากการยิงเข้ามา และสิ่งสำคัญต้องประณามสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันนายกฯกัมพูชาก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะยิงโดยไม่ได้มีเป้าหมายทางทหาร แต่มีเป้าหมายทางพลเรือน
สื่อต่างชาติรู้กัมพูชาเริ่มก่อน
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า สิ่งที่เจรจากับการปฏิบัติขณะนี้ขัดแย้งกัน กัมพูชารุกรานไทย แต่ไปประกาศว่าไทยเป็นผู้รุกราน แต่ดูข่าวจากสื่อมวลชนต่างประเทศกว่า 70 แห่ง นำเสนอข่าวไปในทิศทางเดียวกัน ยืนยันว่ากัมพูชาเป็นผู้ทำร้ายเราก่อน ส่วนข้อมูลของทางฝั่งกัมพูชาก็มีปัญหา เพราะเป็นการพูดฝ่ายเดียว มีเจตจำนงที่จะรุกราน และละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ เนื่องจากมีการรุกรานและทำร้ายเป้าหมายที่เป็นพลเรือน
ส่วน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พบกับเลขาธิการองค์การสหประชาชาติแล้ว รวมถึงเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ซึ่งคิดว่าในรายละเอียดต่าง ๆ ที่ให้ไปอธิบายหลักฐานให้เข้าใจอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าแบบนี้เรียกว่าเป็นอาชญากรทางสงครามหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็อยู่ที่ผู้มีอำนาจเกี่ยวข้อง
ซึ่งดูแล้วตามมาตราต่าง ๆ ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระหว่างประเทศ ก็เข้าข่ายการสร้างอาชญากรรมระหว่างประเทศ
ส่ง รมต.ลงทุกพื้นที่ปะทะ
เมื่อถามถึงการอนุมัติเงินเยียวยา รักษาการนายกฯกล่าวว่า ไม่ติดปัญหาอะไร พิจารณาแล้วในพื้นที่สำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการขยายวงเงิน จาก 20 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท ส่วนพื้นที่ที่ประสบเหตุรุนแรงจะได้ 100 ล้านบาท พร้อมกันนี้สั่งการให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี
พร้อมสั่งงานไปที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำรถบรรทุกน้ำและอาหารพระราชทานช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด
อพยพแล้วกว่า 1.3 แสนคน
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยใน 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ อพยพประชาชนไปแล้วกว่า 130,000 คน และทางจังหวัดได้จัดเตรียมศูนย์พักพิงอพยพผู้ลี้ภัย ซึ่งสามารถรองรับประชาชนได้มากกว่า 300,000 คน รวมทั้งจัดชุดรักษาความปลอดภัย (ช.ร.บ.) เพื่อดูแลความปลอดภัยและทรัพย์สินให้กับประชาชนในพื้นที่
เกณฑ์เยียวยาสูงสุด 1 ล้าน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติในหลักการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนี้ 1.กรณีเสียชีวิต เป็นค่าจัดการศพ รายละ 1,000,000 บาท 2.กรณีทุพพลภาพ รายละ 700,000 บาท 3.กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท 4.กรณีบาดเจ็บมาก รายละ 100,000 บาท 5.กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 50,000 บาท
กต.ย้ำกัมพูชาเปิดฉากก่อน
นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการปะทะที่เริ่มต้นโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งการสูญเสียครั้งนี้รวมถึงพลเมืองบริสุทธิ์ โดยเฉพาะการเสียชีวิตของเด็กและคนชรา
นอกจากจะละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศแล้ว ยังเป็นการละเมิดศีลธรรมและควรที่จะได้รับการประณามอย่างเต็มที่โดยประชาคมระหว่างประเทศ ขอย้ำว่าการตอบโต้ของฝ่ายไทยมีความชัดเจนเหมาะสมในการป้องกันตนเองตามข้อที่ 11 ของกฎบัตรสหประชาชาติ
กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยรุนแรงต่อเนื่อง ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงทางการทหาร แต่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพลเรือนชาวไทย โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนและสถานที่สาธารณะที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาล อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ระบุชัดเจนว่ารัฐบาลไทยประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชา และลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตแล้ว
โวยทำร้ายพลเรือน-ถล่ม รพ.
นางมาระตีกล่าวอีกว่า การกระทำของกัมพูชาเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ตั้งแต่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดในวันที่ 16 และ 23 ก.ค. 68 รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยุติการโจมตีเป้าหมาย ทั้งทหารและพลเรือน การกระทำของกัมพูชาเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 เกี่ยวกับการคุ้มครองโรงพยาบาลรัฐ ฉบับที่ 4 เกี่ยวกับการคุ้มครองหน่วยแพทย์ เป็นการกระทำขาดมนุษยธรรมต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์
“กัมพูชาส่งหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ขอให้เรียกประชุมด่วนเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พร้อมกล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายรุกรานอธิปไตยกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือถึง UNSC แล้ว เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งไทยมีหลักฐานว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ไทยแจง UNSC-กัมพูชายิงก่อน ‘ภูมิธรรม’ ย้ำประณาม ‘ฮุน เซน’
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net