กองทัพบก ชี้แจงกระสุนปืนใหญ่ตกฝั่งลาว เป็นของกัมพูชา
ตามที่กรมทหารราบพิเศษแขวงจำปาสัก ขอรายงานสถานการณ์ลาว-ไทย-กัมพูชา ณ อำเภอเมือง จังหวัดจำปาสัก สปป.ลาว ว่า เวลา 9.40 น. กองกำลังกัมพูชาและไทยปะทะกัน โดยมีปืนใหญ่ 10 กระบอก ตกในดินแดนลาว แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าฝ่ายใดเป็นผู้ยิง
ล่าสุด กองทัพบกไทย ออกแถลงการณ์ ว่า เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 09.40 น. มีรายงานว่า ลูกกระสุนปืนใหญ่จำนวน 10 นัดตกในเขตพื้นที่ สปป.ลาว บริเวณสามเหลี่ยมมรกต และมีกระแสบิดเบือนพยายามโยนความผิดให้ประเทศไทย
การตรวจสอบร่วมระหว่างฝ่ายไทยและทางการ สปป.ลาว ยืนยันชัดเจนว่า กระสุนเหล่านั้นไม่ได้มาจากฝั่งไทย แต่เป็นกระสุนจากฝ่ายกัมพูชา
พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก รายงานว่า เรามั่นใจว่าทหารไทยสามารถควบคุมการใช้อาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพและอยู่ในกรอบกติกาสากลอย่างเคร่งครัด
กองทัพไทยยึดหลักปฏิบัติ 3 ข้อสำคัญ
1. ไม่ขยายวงการสู้รบออกนอกเป้าหมายทางทหาร
2. ไม่กระทบพื้นที่พลเรือน
3. ไม่ละเมิดเขตแดนประเทศเพื่อนบ้าน
ข้อมูลจากการข่าวและเหตุการณ์ก่อนหน้า พบว่า ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้อาวุธยิงสนับสนุนไปยังเป้าหมายที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยิงใส่ โบราณสถาน เพื่อป้ายสีไทย และบิดเบือนให้สังคมโลกเข้าใจผิด และครั้งนี้การยิงปืนใหญ่ไปตกใน ฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งห่างจากแนวปะทะอย่างชัดเจน ไม่อาจอ้างว่า “เล็งพลาด” ได้อีกต่อไป
นี่คือ “เจตนา” ไม่ใช่ “อุบัติเหตุ” เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักสากล และไม่เป็น “สุภาพบุรุษนักรบ” โดยสิ้นเชิง
ฝ่ายไทยได้ประสานงานกับ สปป.ลาวอย่างใกล้ชิด พร้อมแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ และยืนยันที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันเพราะเราคือประเทศเพื่อนบ้าน ที่ต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของ เกมบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยผู้ไม่หวังดี
สรุปสิ่งที่สังคมไทยและประชาคมโลกต้องรู้
• ไทย ไม่ได้เป็นฝ่ายรุกราน
• ไทย ควบคุมการใช้อาวุธได้อย่างแม่นยำ
• ไทย ไม่ละเมิดเขตแดนลาว
• กัมพูชาเจตนาใช้ยุทธวิธีบิดเบือน ยิงกระสุนข้ามแดนเพื่อสร้างความเข้าใจผิดและบ่อนทำลายความชอบธรรมของไทย