สภาผู้บริโภค เตือน อย่าด่วนรับรองประมูลคลื่น ขอคำตอบ อนาคต MVNO
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ประธานอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ชะลอการรับรองผลการประมูลคลื่นความถี่ออกไปก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค โดยเฉพาะอนาคตของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือแบบเสมือนที่ไม่มีโครงข่ายเป็นของตัวเอง แต่จะเช่าโครงข่ายจากผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ หรือ เอ็มวีเอ็นโอ (MVNO) และเงื่อนไขการคุ้มครองผู้บริโภค
เรียกร้อง กสทช. หยุดเร่งรัดรับรองมติประมูลในวันอาทิตย์ ทั้งที่ยังมีคำถามค้างคา อนาคต MVNO จะหายไปหรือไม่ และมีหลักประกันคุ้มครองผู้บริโภคอย่างไร รวมถึงข้อกังขาเรื่องการไม่รับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ในเวทีระดมความคิดเห็น “เผยผลกระทบผู้บริโภค หลังควบรวมธุรกิจโทรคมนาคม” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคได้รับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ให้บริการ MVNO ซึ่งแสดงความกังวลอย่างมากต่อโอกาสในการแข่งขันในอนาคต หากไม่มีเงื่อนไขหรือกลไกที่เอื้อต่อการเข้าถึงโครงข่าย และการกำกับดูแลที่ชัดเจนจาก กสทช. หากไร้หลักประกันสำหรับ MVNO การประมูลครั้งนี้ก็เท่ากับปิดประตูทางเลือกของผู้บริโภค
นางสาวสุภิญญา เสนอว่า กสทช. ต้องเปลี่ยนบทบาทจากหน่วยงานที่ออกใบอนุญาต ไปสู่การกำกับดูแลเชิงรุกและทันสมัยมากขึ้น เช่น ใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อตรวจสอบคุณภาพเครือข่ายทั่วประเทศ แทนการตรวจแบบไตรมาสหรือรอรายงานจากผู้ให้บริการ และต้องสามารถบังคับใช้เงื่อนไขการกันความจุโครงข่ายอย่างน้อย 10% สำหรับ MVNO ได้จริง ไม่ใช่เพียงเป็นข้อกำหนดที่ไม่เคยเกิดผลในทางปฏิบัติ
กสทช. ต้องไม่ปล่อยให้ MVNO ไปต่อรองกับผู้ให้บริการรายใหญ่แบบตัวคนเดียว เพราะสุดท้ายก็อาจถูกตั้งเงื่อนไขที่ทำให้เช่าใช้โครงข่ายไม่ได้จริง
นอกจากนี้ นางสาวสุภิญญายังแสดงความกังวลต่อสถานะของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นที (NT) ซึ่งมีแนวโน้มชัดเจนว่าอาจถอนตัวจากตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปในอนาคต โดยหาก NT ออกไปจริง และไม่มี MVNO เหลืออยู่ในตลาด เท่ากับผู้บริโภคเหลือทางเลือกแค่ 2 รายใหญ่ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อการแข่งขันและสิทธิเสรีภาพในระยะยาว
แม้แต่กรณีของผู้ที่จะได้รับคลื่นจาก NT ก็จำเป็นต้องมีคำตอบที่ชัดเจนก่อนจะมีการรับรองผลการประมูล เพราะคลื่นความถี่เป็นทรัพยากรสาธารณะที่ควรจัดสรรเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ไม่ใช่เพียงเพื่อความสะดวกของผู้ประกอบการ หากไม่มีหลักประกันใด ๆ สำหรับคลื่นที่ถ่ายโอนจาก NT ก็อาจหมายถึงการปิดฉากทางเลือกของภาครัฐและผู้บริโภคในอนาคต
ดังนั้นจึงเห็นว่าบทบาทของ NT ในฐานะรัฐวิสาหกิจควรถูกเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้เล่นรายที่สามที่ถ่วงดุลกับภาคเอกชน คล้ายกับบทบาทของธนาคารกรุงไทยหรือ ปตท. พร้อมตั้งคำถามว่า ทำไมภาครัฐจึงไม่บังคับให้หน่วยงานของรัฐใช้บริการโทรคมนาคมจาก NT เหมือนที่บังคับใช้บริการจากรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ
การประมูลคลื่นความถี่ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคหรือรายได้ของรัฐ แต่คือการกำหนดอนาคตโครงสร้างอำนาจของประเทศในด้านการสื่อสาร หากไร้คำตอบเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค และความอยู่รอดของ MVNO เท่ากับเปิดทางให้เกิดการผูกขาดอย่างถูกต้องตามขั้นตอน จึงเรียกร้องให้ กสทช. อย่าเพิ่งรับรองผลประมูล จนกว่าจะตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน