Meta ทุ่ม 3.5 พันล้านดอลลาร์ ซื้อหุ้นบริษัท EssilorLuxottica เดินหน้าเต็มสูบสู่ยุค 'แว่นตาอัจฉริยะ'
Meta ได้เข้าซื้อหุ้นใน EssilorLuxottica SA ผู้ผลิตแว่นรายใหญ่ที่สุดในโลกในสัดส่วน 3% คิดเป็นมูลค่าปประมาณ 3 พันล้านยูโร หรือประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกับพิจารณาลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็นประมาณ 5% ในอนาคต
EssilorLuxottica คือใคร ?
EssilorLuxottica คือบริษัทสัญชาติฝรั่งเศส-อิตาลี ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตแว่นตารายใหญ่ที่สุดในโลก เป็นเจ้าของแบรนด์ดังที่ทุกคนคุ้นเคยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Ray-Ban, Oakley ไปจนถึงแบรนด์หรูอื่นๆ การที่ Meta เลือกลงทุนในบริษัทนี้ จึงหมายถึงการเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิต และเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม
ดีลนี้ไม่เพียงส่งผลให้หุ้นของ EssilorLuxottica พุ่งทะยานขึ้น 5.4% ทันที แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า Meta เอาจริงกับแว่นตาอัจฉริยะ และพร้อมที่จะผลักดันให้มันกลายเป็นอุปกรณ์ชิ้นต่อไปที่จะมาเปลี่ยนโลกต่อจากสมาร์ทโฟน
ทำไม Meta ถึงทุ่มเงินซื้อหุ้นครั้งนี้ ?
การลงทุนครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเสียทีเดียว เพราะทั้งสองบริษัทเป็นพันธมิตรกันในการผลิตแว่นตาอัจฉริยะอยู่แล้ว โดยแว่น Ray-Ban Meta ที่เปิดตัวในปี 2023 ประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยยอดขายหลายล้านชิ้นนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2023
เมื่อปีที่แล้ว Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta เคยกล่าวถึงแนวคิดการลงทุนใน EssilorLuxottica ว่าจะเป็นเหมือนสัญลักษณ์เพื่อตอกย้ำความเป็นพันธมิตรระยะยาวของทั้งสองบริษัท
ล่าสุด ทั้งคู่ได้ขยายความร่วมมือไปยังแบรนด์ Oakley ซึ่งเป็นอีกแบรนด์ในเครือ EssilorLuxottica เพื่อเปิดตัวแว่น Oakley Meta HSTN ที่มาพร้อมกล้องความละเอียดสูง, ลำโพงแบบ open-ear, คุณสมบัติกันน้ำ และความสามารถของ Meta AI
สำหรับ Meta การยกระดับเทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่ด้วยความสามารถของ AI คือกลยุทธ์สำคัญในการดึงดูดผู้ใช้ใหม่ๆ แว่นตาอัจฉริยะมอบโอกาสให้ Meta สามารถสร้างฮาร์ดแวร์และควบคุมช่องทางการจัดจำหน่ายของตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มสมาร์ทโฟนของคู่แข่ง
ด้าน EssilorLuxottica เองก็มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตแว่นตาอัจฉริยะ และหวังว่าจะขยายความร่วมมือกับ Meta ไปยังแบรนด์อื่นๆ ในเครือต่อไป
การลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ตลาดแว่นตาอัจฉริยะคาดว่าจะเติบโตจาก 1.93 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 สู่ 8.26 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยมีผู้เล่นเทคโนโลยีรายอื่น ๆ เข้ามาในตลาดนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการที่ Google จับมือกับ Kering Eyewear หรือการที่ Xiaomi ของจีนประกาศเข้าสู่ตลาดนี้ด้วย