ครอบครัว ‘พลทหารสิรวิชญ์’ เผยลูกชายส่งคลิปสุดท้าย บอก ‘สู้ตาย’
"พลทหารสิรวิชญ์ ภิญโญสุข" ส่งคลิปสุดท้ายให้แม่ เป็นภาพชูสองนิ้วพร้อมกับพูดว่า "สู้ตาย" ก่อนเข้าร่วมต่อสู้ทหารกัมพูชา ปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยจนเสียชีวิต ด้านครอบครัวเผยเสียใจแต่ภูมิใจ ลูกชายสมัครใจเป็นทหาร เตรียมพิธีพระราชทานเพลิงศพ 2 ส.ค.นี้
29 กรกฎาคม 2568 - นายไพศาล วงษ์ชีวะสกุล นายอำเภอสีชมพู จ.ขอนแก่น พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 86 บ้านซ่งหนองขาม ม. 4 ต.หนองแดง อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น เพื่อพบกับครอบครัวของพลทหารสิรวิชญ์ ภิญโญสุข หรือ “พลทหารเต๊ะ” พลกระสุนหมู่ปืนกล ร้อย ร.8022 พัน ร.802 ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ เพื่อให้กำลังใจกับครอบครัวและแจ้งการดำเนินการพิธีพระราชทานเพลิงศพอย่างสมเกียรติให้กับครอบครัวทราบ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัวพลทหารที่เสียชีวิต
โดยพบกับนายดำรงศักดิ์ ภิญโญสุข อายุ 49 ปี และ น.ส.สุพรรณษา กองราชา อายุ 47 ปี พ่อและแม่ของผู้เสียชีวิต พร้อมด้วย น.ส.วชิรญารี ภิญโญสุข อายุ 18 ปี น้องสาว กำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ภายในบ้านและวัดประจำหมู่บ้าน เพื่อเตรียมการรับศพพลทหารเต๊ะ ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 จะนำศพกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ค.) น.ส.สุพรรษา กล่าวว่า ครอบครัวได้ทราบข่าวลูกชายเสียชีวิตโดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าพลทหารสิรวิชญ์ เสียชีวิตจากการยิงปะทะโดยก่อนหน้านั้นครอบครัวไม่สามารถติดต่อกับลูกชายได้ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยการพูดคุยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 28 ก.ค. ก่อนที่ลูกชายจะส่งคลิปวิดีโอที่เขาถ่ายตัวเองในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศขณะนั่งอยู่ในบังเกอร์ภายในพื้นที่ปฏิบัติการ และกล่าวในคลิปว่า “สู้ตายแม่ สู้ตาย” พร้อมชูสองนิ้ว จากนั้นก็ปิดเครื่องไม่สามารถติดต่อได้อีก "เต๊ะเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว มีน้องสาว 1 คน โดยเข้ารับราชการทหารโดยสมัครเป็นทหารกองประจำการ ผลัดที่ 2/2567 ด้วยความตั้งใจจะรับใช้ชาติ โดยก่อนสมัครได้ฝากน้องสาวช่วยดูแลแม่ เพราะเห็นว่าตนเองไม่มีภารกิจใดๆที่บ้าน และอยากทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ แม่จึงพาไปสมัคร แม้จะเสียใจอย่างสุดหัวใจ แต่ก็รู้สึกภูมิใจที่ลูกชายได้ทำหน้าที่เพื่อปกป้องประเทศชาติ และจากไปอย่างสมเกียรติ ลูกชายเคยพูดว่าจะขอเป็นทหารต่อ เพราะคิดว่าหากไปเรียนต่อคงไม่รอด เนื่องจากเรียนไม่เก่ง แต่เขามั่นใจในสภาพร่างกายและหัวใจที่เต็มร้อยพร้อมจะรับใช้ชาติ ซึ่งของแทนใจชิ้นสำคัญที่ลูกชายทิ้งไว้ให้ครอบครัว คือรถจักรยานยนต์แต่งสวยงาม ซึ่งพลทหารสิรวิชญ์ได้นำรถจักรยานยนต์ที่บ้านมาดัดแปลงและตกแต่งด้วยตนเอง โดยบอกกับแม่ว่าทำเอาไว้ขี่เท่ ๆ และเจ้าตัวก็รักรถคันนี้มาก" น.ส.สุพรรณษา กล่าวว่า ที่ผ่านมาพลทหารสิรวิชญ์มักจะถ่ายคลิปและภาพถ่ายส่งมาให้แม่ดูเป็นระยะ เพื่อเล่าให้ฟังว่าอยู่จุดไหน ทำหน้าที่อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อปฏิบัติหน้าที่ในบังเกอร์ก็จะถ่ายภาพมาส่งเสมอ ไม่เคยบ่นถึงอันตรายหรือความลำบาก ทำให้ครอบครัวไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่เมื่อมีข่าวการสู้รบและการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ก็เริ่มเกิดความกังวลและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ขณะที่ นายดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ลูกชายได้สร้างความภาคภูมิใจอย่างยิ่งให้กับครอบครัว และการเสียชีวิตในครั้งนี้ถือเป็นการเสียสละอย่างสูงสุดเพื่อประเทศชาติ ก่อนจะทราบข่าวการเสียชีวิต ก็ไม่มีลางบอกเหตุหรือสิ่งผิดปกติใด ๆ เพียงแต่ช่วงที่ลูกชายขาดการติดต่อในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ก็ได้แต่บ่นถามหากันในบ้าน กระทั่งได้รับคลิปสุดท้ายที่ลูกชายส่งมาให้
ด้านนายไพศาล วงษ์ชีวะสกุล นายอำเภอสีชมพู กล่าวว่า หลังจากได้ทราบข้อมูลก็ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในพื้นที่และระดับจังหวัด เพื่อนำสิ่งของเข้าไปมอบให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นเบื้องต้น พร้อมพูดคุยให้กำลังใจ และได้ฝากทางผู้นำชุมชนช่วยดูแลสภาพจิตใจของครอบครัวในระยะยาวอย่างใกล้ชิด
"สำหรับพิธีบำเพ็ญกุศลและพระราชทานเพลิงศพ ได้จัดเตรียมสถานที่ที่วัดสายทอง บ้านโพธิ์ทอง ม.7 ต.หนองแดง อ.สีชมพู โดยมีกำลังพลจากหน่วยต้นสังกัดของพลทหารสิรวิชญ์ นำกำลังเข้าปรับปรุงพื้นที่วัดร่วมกับชาวบ้าน เพื่อจัดสร้างเมรุชั่วคราวบริเวณลานหน้าวัด
โดยมีกำหนดการเคลื่อนศพเข้าสู่ศาลาการเปรียญวัดสายทอง ในวันที่ 30 ก.ค. เวลา 17.00 น. และจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันเดียวกัน ขณะที่งานพระราชทานเพลิงศพ กำหนดขึ้นในวันที่ 2 ส.ค. เวลา 16.00 น."