ทีมวิจัย Typhoon ส่ง 5 งานวิจัยร่วมด้าน AI กับ 4 สถาบัน สู่เวทีงานวิจัย ระดับ “A-Star (A*) Research”
ทีมวิจัย Typhoon จาก SCB 10X ส่ง 5 ผลงานวิจัยร่วมด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้าสู่การประชุม Association for Computational Linguistics (ACL) 2025 เวทีประชุมวิชาการระดับโลกด้านการประมวลผลภาษาธรรมชาติและภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงเกียรติที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
18 กรกฎาคม 2568 - กลุ่มเอสซีบีเอกซ์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาและผลักดันงานวิจัยสู่ระดับโลก โดยเน้นเป้าหมายสู่การสร้าง “A-Star (A*) Research” หรือผลงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับในงานประชุมวิชาการระดับสูงสุดของโลกที่จัดอันดับโดยองค์กร CORE (Computing Research and Education Association of Australasia) ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับศักยภาพนักวิจัยไทยและสร้างอิทธิพลทางความรู้ในระดับนานาชาติ
ล่าสุดทีมวิจัย Typhoon จาก SCB 10X บริษัทด้านการลงทุนในเทคโนโลยีปฏิวัติวงการ (Disruptive Technology) ภายใต้กลุ่มเอสซีบีเอกซ์ สร้างความสำเร็จครั้งสำคัญด้วยการส่ง 5 ผลงานวิจัยร่วมด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้าสู่การประชุม Association for Computational Linguistics (ACL) 2025 เวทีประชุมวิชาการระดับโลกด้านการประมวลผลภาษาธรรมชาติและภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงเกียรติที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โดยความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือในการทำวิจัยร่วมกับสถาบันชั้นนำ 4 แห่ง ได้แก่ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และเครือข่ายวิจัย SEACrowd โดยแบ่งเป็น 3 งานใน Main Conference, 1 งานใน Findings และ 1 งานใน LLM Security Workshop
[caption id="attachment_185342" align="aligncenter" width="1000"]
นายกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCB 10X[/caption]
นายกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCB 10X กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผลงานวิจัยทั้ง 5 ชิ้นที่ทีม Typhoon มีส่วนร่วมได้รับการตอบรับให้เผยแพร่ในงานประชุม ACL 2025 ซึ่งเป็นงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้าน AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) และภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงเกียรติที่สุดงานหนึ่งของโลก มีระบบ peer review ที่เข้มข้นและได้รับความสนใจสูงจากชุมชนวิจัยนานาชาติ”
โดย 5 ผลงานวิจัยร่วมของทีม Typhoon ในงานประชุม ACL 2025 ได้แก่
ผลงานใน Main Conference (3 เรื่อง):
1. SkillAggregation: Reference-free LLM-Dependent Aggregation [ผลงานวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด] - การรวมผลจากโมเดล LLM หลายภาษาโดยไม่ต้องใช้ข้อมูลคำตอบจริง (reference labels) โดยใช้วิธีเรียนรู้ความแม่นยำของแต่ละโมเดลจากบริบท ช่วยให้การตัดสินใจแม่นยำและปรับตามสถานการณ์ได้ดีขึ้น พร้อมผลลัพธ์ที่เหนือกว่าวิธีเดิมในการประเมินคุณภาพของ LLM
2. Mind the Gap! Static and Interactive Evaluations of Large Audio Models [ผลงานวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด] - วิธีการประเมินโมเดลเสียงขนาดใหญ่ (Large Audio Models) ด้านรูปแบบ (preferences) และความเข้าใจคำสั่งของผู้ใช้ (user needs) ผ่านการโต้ตอบโดยตรง
3. Crowdsource, Crawl, or Generate? Creating SEA-VL, a Multicultural Vision-Language Dataset for Southeast Asia [ผลงานวิจัยร่วมกับ SEACrowd] - การสร้างชุดข้อมูลภาพ-ภาษาคุณภาพสูงที่สะท้อนวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประกอบไปด้วยรูปภาพที่เกี่ยวข้องจำนวน 1.28 ล้านรูป
ผลงานใน Findings (1 เรื่อง):
4. Towards Better Understanding of Program-of-Thought Reasoning in Cross-Lingual and Multilingual Environments [ผลงานวิจัยร่วมกับสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC)] - งานวิจัยนี้ศึกษาวิธีปรับปรุงความสามารถในการให้เหตุผลของ AI ในสภาพแวดล้อมหลายภาษา โดยใช้เทคนิค Program-of-Thought (PoT) ซึ่งแยกขั้นตอนการคิดออกจากการคำนวณ เพื่อให้โมเดลเข้าใจและให้คำตอบได้แม่นยำยิ่งขึ้น
ผลงานใน LLM Security Workshop (1 เรื่อง):
5. Shortcut Learning in Safety: The Impact of Keyword Bias in Safeguards [ผลงานวิจัยร่วมกับสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC)] - ศึกษาผลกระทบในการแยกแยะประเภทของคำสั่ง (prompt) จากพฤติกรรมจดจำคำสัญ (keyword bias) ในโมเดลประเภท safeguard
นายกวีวุฒิ กล่าวว่า SCB 10X เป็นองค์กรชั้นนำที่มุ่งมั่นผลักดันงานวิจัยระดับ A* อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผลงานด้าน AI ที่ได้รับการตีพิมพ์ในงานประชุมชั้นนำระดับโลกอย่างต่อเนื่องรวมทั้งสิ้น 11 งานวิจัย อาทิ ACL, EMNLP (Empirical Methods in Natural Language Processing), ICLR (International Conference on Learning Representations) และ Interspeech
ผลงานวิจัยเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญเบื้องหลังการพัฒนาโมเดลปัญญาประดิษฐ์ของ SCB 10X เช่น Typhoon T1, Typhoon2 R1 และ Typhoon2 Audio ที่ถูกนำเสนอในงานประชุมระดับโลกดังกล่าว พร้อมทั้งมีการเผยแพร่ technical reports ผ่านแพลตฟอร์ม OpenTyphoon.ai เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิจัยทั่วโลกสามารถเข้าถึงองค์ความรู้และนำไปต่อยอดได้อย่างเสรี
และแม้ว่าในแต่ละงานวิจัยจะมีประเด็นเฉพาะของตนเอง แต่ทั้งหมดล้วนสะท้อนจุดมุ่งหมายร่วมกัน คือ การพัฒนา AI ที่เข้าใจบริบท ครอบคลุมความหลากหลาย และนำไปใช้ได้จริง เราขอขอบคุณผู้ร่วมวิจัย ผู้เขียนร่วม และผู้รีวิวทุกท่านที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้
แม้จะยังไม่มีการจัดอันดับอย่างเป็นทางการในระดับประเทศเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมใน A* Conference แต่ประเทศไทยเริ่มเห็นสัญญาณของการเติบโตในสายนี้ โดยมีองค์กรที่ลงมือทำงานอย่างจริงจัง อาทิ กลุ่มเอสซีบีเอกซ์ VISTEC และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น ซึ่งองค์กรเหล่านี้กำลังสร้างฐานรากที่สำคัญในการผลักดันให้นักวิจัยไทยได้มีพื้นที่ในเวทีโลก และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศผ่านงานวิจัยที่มีคุณภาพระดับสากล
“กลุ่มเอสซีบีเอกซ์มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างระบบนิเวศวิจัยไทยที่เชื่อมโยงกับโลก ผ่านแนวทาง open research, การสร้างความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา และการสนับสนุนการตีพิมพ์ในเวที A* อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ "องค์ความรู้" กลายเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักวิจัยรุ่นใหม่ ความสำเร็จใน ACL 2025 นี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการวิจัยไทยในเวทีระดับโลก และเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการวิจัย AI ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นายกวีวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย
เกี่ยวกับงานวิจัย A-star Research
A-Star Research คือ การจัดอันดับงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติจากองค์กร CORE (Computing Research and Education Association of Australasia) แบ่งระดับคุณภาพของการประชุมออกเป็น A*, A, B และ C โดยระดับ “A*” ถือเป็นงานประชุมวิชาการระดับแนวหน้าที่มีมาตรฐานสูงสุด และมีสัดส่วนเพียง 8% แรกของการประชุมวิชาการทั้งหมดในโลก
ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ในเวทีระดับ A* เป็นงานที่มีอิทธิพลสูง ได้รับความสนใจจากนักวิจัยชั้นนำ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมระดับโลก เช่น บทความ “Attention is All You Need” ที่กลายเป็นรากฐานสำคัญของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สมัยใหม่ที่ใช้กันทั่วโลกในปัจจุบัน องค์กรเทคโนโลยีระดับโลกต่างมองว่างานวิจัยระดับ A-Star (A*) เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่เสริมขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและช่วยดึงดูดบุคลากรระดับโลก
โดยองค์กรชั้นนำอย่าง Google, Microsoft, Meta, และ Apple ต่างมีผลงานที่ตีพิมพ์ในเวที A* เช่น NeurIPS, ACL, และ CVPR ขณะที่บริษัทจากเอเชียอย่าง ByteDance, Alibaba, Tencent และ DeepSeek ก็มีบทบาทโดดเด่นในด้าน AI โดยเน้นงานวิจัยด้าน NLP และ computer vision รวมถึงการเผยแพร่ผลงานวิจัยแบบ open-source เพื่อสร้างนวัตกรรมและยกระดับความสามารถในระดับนานาชาติ