ยุโรปร้อนปรอทแตก
ส่งสัญญาณสะท้อนว่าโลกร้อนขึ้นโดยแท้ ซึ่งสอดคล้องตามการคาดการณ์ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศที่ออกมาส่งเสียงเพรียกเตือน จากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือภาวะโลกร้อน ที่มีต่อโลกเรา
พร้อมยกตัวอย่างกับสถานการณ์สภาพภูมิอากาศของภูมิภาคยุโรป ณ ชั่วโมงนี้ ที่เพิ่งย่างเข้าสู่ฤดูร้อน คิมหันตฤดู อย่างเป็นทางการ เมื่อไม่กี่ราตรีที่ผ่านมา คือ ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายนเป็นต้นมา ปรากฏว่า พื้นที่ในหลายประเทศของภูมิภาคยุโรป ก็ต้องเผชิญกับ “คลื่นอากาศร้อน” จนทำให้อากาศร้อนจัด
ถึงขนาดทางการในหลายประเทศ ต้องออกมาเตือนภัย พร้อมกับมีคำแนะนำประชาชนในการดูแลสุขภาพ ในช่วงที่กำลังเผชิญหน้ากับสภาพอากาศร้อนจัดเช่นนี้
โดยในบางพื้นที่ บางเมือง ก็ได้รับคำเตือนให้หลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวไปชั่วคราวก่อน เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ ที่อาจจะล้มป่วยขึ้นได้ หากเดินทางสัญจรเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวกันเลยทีเดียว
เริ่มจากประเทศอังกฤษ เช่นในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศ ทางการต้องออกมาเตือนประชาชนให้ระมัดระวังสุขภาพ เช่น การถูก “โรคลมแดด” ถามหา ภายหลังจากอุณหภูมิของนครหลวงของชาวเมืองผู้ดีแห่งนี้ พุ่งทะลุเกินกว่า 30 องศาเซลเซียส
คำแนะนำที่มีต่อประชาชน ก็มีทั้งให้สวมเสื้อผ้าหลวมๆ หมั่นจิบน้ำบ่อยๆ ลดกิจกรรมที่ร่างกายเคลื่อนไหวมากๆ เพราะจะทำให้เสียเหงื่อ
พร้อมกันนี้ ทางการดูจะเป็นห่วงต่อผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เป็นพิเศษ ที่สุ่มเสี่ยงเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ง่ายกว่ากลุ่มคนกลุ่มอื่น จนถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องใส่เป็นพิเศษ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดเยี่ยงนี้
ความร้อนแรงของสภาพอากาศ ก็ถึงขนาดทำให้สนามหญ้า ตามสวนสาธารณะต่างๆ กลายสภาพจากเขียวชอุ่ม เป็นสีน้ำตาล อันเป็นผลจากอากาศที่ทั้งร้อนและแห้งแล้ง พาให้เป็นไป
ทั้งนี้ อุณหภูมิของกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ ที่ทะลักพุ่งทะลุกว่า 30 องศาเซลเซียสข้างต้นนั้น ก็ยังเป็นอุณหภูมิที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยประมาณถึง 10 องศาเซลเซียสด้วยกัน
ในการจัดการรับมือกับสภาพอากาศร้อนจัดของชาวเมืองผู้ดี หลายคนก็ต้องพึ่งร่มไม้ในสวนสาธารณะ หรือไม่ก็เป็นสระว่ายน้ำต่างๆ เพื่อให้บังเกิดความชุ่มฉ่ำสำหรับคนมีสตางค์ แต่สำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อย หรือผู้ที่ต้องการประหยัดเงิน ก็พึ่งพาแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ด้วยการไปนั่งพักใกล้แหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่น คลองต่างๆ เป็นอาทิ
นอกจากที่อังกฤษ ก็ยังมีประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคยุโรป ที่กำลังผจญกับสภาพอากาศร้อนจัด หลังจากที่คลื่นอากาศร้อนพัดถล่มเข้าถาโถม
ไม่ว่าจะเป็นออสเตรีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี โปรตุเกส เซอร์เบีย สเปน และสวิตเซอร์แลนด์ ลากยาวไปทั่วคาบสมุทรบอลข่าน รวมไปจนถึงตุรเคีย
โดยอุณหภูมิของบรรดาประเทศเหล่านี้ ก็ทะลุพุ่งไปไม่ต่ำกว่า 32 องศาเซลเซียส จนทางการของหลายประเทศเหล่านั้น ต้องเปิดศูนย์หลบภัยร้อนกันเลยทีเดียว ซึ่งศูนย์หลบภัยร้อนที่ว่า ก็ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ เพื่อให้ประชาชนเข้ามาหลบคลายร้อน
ทว่า ศูนย์หลบภัยร้อนเหล่านี้ ต้องบอกว่า มีอยู่อย่างจำกัด มีจำนวนไม่เพียงพอต่อประชากรที่กำลังประสบภัย
พร้อมกันนั้น ทางหน่วยงานด้านสาธารณสุข ก็มีคำเตือนเรื่องปัญหาสุขภาพของประชาบชน ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนจัดเช่นนั้น
โดยมีรายงานว่า โรงพยาบาลของหลายประเทศในยุโรปที่กำลังประสบกับภัยอากาศร้อน ต้องรับผู้ป่วยจากอาการโรคลมแดด จำนวนมากหลายเท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปีก่อนหน้า
กล่าวถึงบรรดาประเทศที่กำลังประสบกับภัยอากาศร้อนข้างต้นนั้น ที่นับว่า สาหัสสากรรจ์กว่าใคร ก็เห็นจะเป็นประเทศสเปน เจ้าของฉายาแดนกระทิงดุ ที่ปรากฏว่า ประชาชนได้เห็นอุณหภูมิขึ้นไปแตะที่ 40 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมืองเซบิยา ต้องถือว่า ร้อนปรอทแตกกันเลยทีเดียว เพราะอุณหภูมิพุ่งทะยานขึ้นไปอยู่ที่ 41 – 42 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ ภัยร้อนที่สเปนกำลังประสบนอกจากมีคำเตือนเรื่องปัญหาสุขภาพที่จะตามมาจากสภาพอากาศร้อนจัดดังกล่าวแล้ว บางเมืองของสเปน เช่น นครเซบียา ก็ถูกทางการของประเทศในยุโรป ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว ให้หลีกเลี่ยงในช่วงระยะนี้ไปก่อน จากการที่อุณหภูมิพุ่งทะลุเกินกว่า 40 องศาเซลเซียสข้างต้น ซึ่งความร้อนระดับดังกล่าว มีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้คนแล้ว
นอกจากเมืองเซบิยาแล้ว ปรากฏหลายเมืองในสเปน รวมไปถึงเมืองหลวงอย่างกรุงมาริด ก็ผจญกับสภาพอากาศร้อนจัดอย่างน่าสะพรึงเช่นกัน
โดยมีรายงานว่า ประชาชนชาวนครบาร์เซโลนา และชาวกรุงมาริด ต้องพึ่งพาความชุ่มฉ่ำ ตามสถานที่ที่มีน้ำพุ ส่วนผู้คนตามท้องถนน บางคนก็ถึงขั้นต้องใช้ร่มถึงสองคันกันเลยก็มี เพื่อบังแสงแดด
สภาพอากาศร้อนจัด จากคลื่นอากาศร้อนที่ถาโถมดังกล่าวนั้น ก็มีคำเตือนจากทางการในหลายประเทศของภูมิภาคยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่ยุโรปใต้ อันรวมไปถึงตุรเคียด้วยนั้น ถึงเรื่องการเกิดปรากฏการณ์ไฟป่า ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายหนักขึ้น จากการที่เดือดร้อนจากสภาพอากาศร้อนจัดยังไม่พอ ต้องมาผจญกับฝุ่นควันไฟ ที่กลายเป็นมลภาวะทางอากาศซ้ำเติมเข้าให้อีก