พิชัย” ลงพื้นที่กาญจนบุรี คุมเข้มค้าชายแดน สกัดบุหรี่-สินค้าเถื่อน
วันที่ 28 มิ.ย.2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดกาญจนบุรี โดยเน้นภารกิจสำคัญที่ด่านศุลกากรบ้านพุน้ำร้อนและเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นด่านสำคัญในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยและเมียนมา โดยเฉพาะเส้นทางบ้านพุน้ำร้อนที่มุ่งสู่เขตเศรษฐกิจทวายของเมียนมา ซึ่งอยู่ห่างจากด่านเพียง 120 กิโลเมตร
การลงพื้นที่ครั้งนี้มีเป้าหมายหลักในการติดตามผลการดำเนินงานของด่านศุลกากร รับฟังปัญหาและอุปสรรคของการค้าไทย-เมียนมา จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำรวจแนวทางการส่งเสริมการค้าที่ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะการค้าชายแดน การดูแลราคาสินค้าเกษตรของไทยผ่านการกำชับการนำเข้า และกา
นายพิชัยได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีในสองมิติหลัก คือ ด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทั้งสองส่วนต้องได้รับการดูแลควบคู่กันไป พร้อมทั้งขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำงานร่วมกัน และได้มอบนโยบายให้ส่วนราชการสนับสนุนการค้าชายแดนให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาวต่อเศรษฐกิจและการลดปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ในระยะสั้น ได้ให้กำลังใจและสนับสนุนฝ่ายความมั่นคงให้ปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้ยาเสพติดไหลเข้าประเทศ
ในส่วนของการนำเข้าสินค้าเกษตร นายพิชัยได้ขอให้เจ้าหน้าที่กวดขันเข้มงวดสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมายหรือไม่มีคุณภาพ เช่น การตรวจสอบคุณภาพมันสำปะหลังอย่างเข้มข้น และการป้องกันยางพาราเถื่อนไม่ให้เข้ามาทำลายโครงสร้างราคาของไทย นอกจากนี้ ยังได้ขอให้พิจารณาความเหมาะสมในการเปิดให้นำเข้าสินค้าประมง เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดสร้างมูลค่าในประเทศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของจังหวัดกาญจนบุรีให้ดีขึ้น
ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม นายพิชัยกล่าวถึงศักยภาพของจังหวัดกาญจนบุรีที่เคยถูกวางให้เป็นเมืองเชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษของเมียนมา แต่ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป จึงเห็นควรมีการวางกลยุทธ์ใหม่ โดยเสนอให้กาญจนบุรีมีศักยภาพสำหรับ "อุตสาหกรรมสีเขียว" เนื่องจากเป็นจังหวัดต้นกำเนิดของแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงภาคกลาง
โดยสนับสนุนให้มีการพัฒนาและต่อยอดเรื่องน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่และภาคอุตสาหกรรมมีน้ำใช้สำหรับการอุปโภค บริโภค และการผลิตอย่างเพียงพอ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของจังหวัดกาญจนบุรีในอนาคต