"ประเสริฐ" ย้ำวัดคือศูนย์กลางจิตใจ สร้างระบบบริหารเข้มแข็ง–ป้องกันทุจริต
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวเปิดโครงการสัมมนา เรื่อง การบริหารจัดการวัด สำนักสงฆ์ และที่พักสงฆ์ ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องจัดโดย คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ณ โรงแรม เดอะ โบนันซ่า รีสอร์ท เขาใหญ่ ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา มีพระสงฆ์จากจังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินทร์ เข้าร่วม
นายประเสริฐ เน้นย้ำว่า “การบริหารจัดการวัด คือการบริหารศรัทธา เมื่อศรัทธามั่นคง พระพุทธศาสนาก็จะยั่งยืนตราบนานเท่านาน”
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า วัดและสำนักสงฆ์ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน การบริหารจัดการที่โปร่งใส เป็นระบบ และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน จะช่วยเสริมสร้างความศรัทธาให้มั่นคงยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยกระดับบทบาทของวัดให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ศูนย์กลางกิจกรรมสังคม และเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณของประชาชนทุกกลุ่มวัย
รองนายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบบริหารจัดการวัด โดยสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและฐานข้อมูลเพื่อความโปร่งใส เช่น ระบบตรวจสอบการใช้จ่ายเงินทอนวัด การบริหารที่ดินและทรัพย์สินของวัด ตลอดจนการจัดทำข้อมูลพระสงฆ์และกิจกรรมทางศาสนาอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาการทุจริตและสร้างความเชื่อมั่นแก่สาธารณชน
การสัมมนาครั้งนี้มีพระสังฆาธิการ คณะสงฆ์ นักวิชาการ และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ–เอกชน เข้าร่วมจำนวนมาก โดยมีการแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาวัดในมิติการบริหาร การเงิน การจัดการศึกษา และการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้วัดและสำนักสงฆ์สามารถทำหน้าที่เป็นฐานรากทางศีลธรรมและวัฒนธรรมได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
นายประเสริฐ กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลมุ่งหวังให้การบริหารจัดการวัดสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งในมิติศาสนา สังคม และเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการธำรงรักษาพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่สังคมไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นางเทียบจุฑา ขาวขำ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม[สภาผู้แทนราษฎรได้ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการวัด(สำนักสงฆ์งฆ์/และที่พักสงฆ์ นอกจากต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยแล้วการบริหารจัดการวัดยังจะต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ข้อบังคัญและแนวทางปฏิบัติอื่นที่เกี่ยวขัอง ทั้งนี้ ก็เพื่อส่งเสริมให้วัดและสถานที่ปฏิบัติ ศาสนกิจเป็นศูนย์กลางในการเผยแพน่พระพุทธศาสนาการศึกษา และการพัฒนาจิตใจของประชาชนในชุมชนและประเทศชาติ
การจัดสัมมนาในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พระสังฆาธิการ(พระภิกษุสงฆ์ไวยาวัจกรวัด) และผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการวัด สำนักสงฆ์ และที่พักสงฆ์ ส่งเสริมให้การบริหารจัดการงานของวัดมีความโปร่งใส่ถูกต้องตาม หลักธรรมาภิบาล พัฒนาศักยภาพของพระภิกษุสงฆ์ ไวยาวัจกร และคณะกรรมการวัด ให้สามารถจัดการด้านการเงิน การบัญชี การจัดสรรที่ดิน การก่อสร้าง และกิจการอื่นๆ ของวัดได้อย่างถูกต้องเหมาะสมด้วยพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมือง รวมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างวัด หน่วยงานรัฐ และภาคประชาชน พร้อมกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินและทรัพย์สินของวัดอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ การสัมมนายังได้รับความร่วมมือจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่กรมป่าไม้ กรมศิลปากร สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมนาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม