"Bitkub Meetup 2025" ช่วงที่ 2 เส้นทางสู่ยูนิคอร์นไทย ถอดบทเรียนจากผู้ประกอบการชั้นนำ
ภายในงาน "Bitkub Meetup 2025" ช่วงที่ 2 ได้มีการถอดบทเรียนจากผู้ประกอบการชั้นนำ กลั่นกรองประสบการณ์จริงจาก 3 ผู้ประกอบการชั้นนำของประเทศ ผู้ก่อตั้งธุรกิจที่มีมูลค่าทะลุพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ "ยูนิคอร์น" ได้แก่ คุณยอด ชินสุภัคกุล (LINE MAN Wongnai), คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา (Bitkub Capital Group Holdings) และ คุณคมสันต์ ลี (Flash Express) บอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จ ความล้มเหลว และกุญแจสู่ความสำเร็จ เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่
สำหรับการจัดงาน "Bitkub Meetup 2025" ในปีนี้ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ณ โรงภาพยนตร์ Siam Pavalai Theatre ชั้น 6 สยามพารากอน คลิกอ่านสรุปงาน "Bitkub Meetup 2025" ช่วงที่ 1 ได้จากลิงก์นี้ https://www.tnnthailand.com/tech/208999/
1. ความฝันและความมุ่งมั่นสู่การเป็นยูนิคอร์น
โดยทั้ง 3 ท่าน ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า การตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่สู่การเป็น "ยูนิคอร์น" หรือธุรกิจมูลค่าสูงนั้น คือหัวใจสำคัญของการทำ Startup โดยคุณยอดได้ให้ทัศนะไว้อย่างเฉียบคมว่า "ถ้าทำ Startup ไม่คิดอยากเป็นยูนิคอร์น ก็อย่าทำ Startup ดีกว่า" ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าโดยพื้นฐานแล้วผู้ที่ก้าวเข้ามาในเส้นทางนี้ล้วนเป็นคนที่มีความฝันและมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงที่สุด สอดคล้องกับที่คุณท็อปเสริมว่า ความฝันนั้นทำหน้าที่เป็นดั่งหมุดหมาย (Milestone) ที่จะคอยขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าอย่างไม่อาจหยุดยั้ง
2. การแสวงหาโอกาสและการปรับตัว
การสังเกตและพูดคุย คุณยอดเล่าว่าการขยายธุรกิจของ Wongnai จากแพลตฟอร์มรีวิวร้านอาหารไปสู่ Food Delivery, POS, และ Payment มาจากการสังเกตตลาด การพูดคุยกับผู้ประกอบการในต่างประเทศ และการเป็นคนช่างสังเกตเทรนด์ต่างๆ เช่น มอเตอร์ไซค์วิ่งเยอะขึ้นในส่วนของ Food Delivery
การมองเห็นเทรนด์ล่วงหน้า คุณท็อปสามารถมองเห็นโอกาสใน Bitcoin และเทคโนโลยีบล็อกเชนตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น โดยเปรียบเทียบกับนักประวัติศาสตร์ที่เรียนรู้จากอดีตเพื่อมองเห็นอนาคต และสร้าง Bitkub ขึ้นมา
ความไม่รู้คือความกล้า คุณคมสันต์กล่าวว่า "ความไม่รู้" เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขากล้าเริ่มต้น Flash Express ในธุรกิจโลจิสติกส์ที่ยังไม่มีโมเดลสำเร็จรูปชัดเจนในไทย เพราะเมื่อไม่รู้ก็จะไม่กลัว และกล้าที่จะลงมือทำโดยการลอง "Copy and Adapt" โมเดลจากต่างประเทศให้เข้ากับบริบทไทย
จงเป็นผู้พร้อมเสมอ คุณยอดเชื่อว่า "โชคมักจะอยู่กับผู้ที่ขยันและพร้อมเสมอ" การมีโอกาสเข้ามาแต่ถ้าไม่พร้อมคว้าไว้ ก็ไม่มีประโยชน์
3. บทเรียนจากความล้มเหลวและความยากลำบาก
ค่าใช้จ่ายของความไม่เป็นมืออาชีพ คุณคมสันต์เน้นย้ำว่าผู้ประกอบการรุ่นใหม่ "อย่าเพิ่งมาทำ Startup" โดยแนะนำให้ไปทำงานกับองค์กรที่เป็นมืออาชีพก่อนเพื่อเรียนรู้ให้มากที่สุด เพราะ "ความไม่เป็นมืออาชีพ ค่าตัวมันแพงมาก" ซึ่งเขาเองต้องเผชิญกับคดีความมากมายและความผิดพลาดที่ส่งผลกระทบต่อองค์กร
ความเครียดและปัญหาการเงิน โดยคุณยอดเล่าถึงช่วงแรกๆ ของ Wongnai ที่ประสบปัญหา "ความเครียด" "ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน" หรือแม้แต่ "เงินเดือนตัวเอง" จนถึงขั้นที่พ่อแม่ถามว่า "เมื่อไหร่จะเลิกทำสักที" เขายังยอมรับว่าในช่วงแรกนั้นไม่ได้มีการวางแผนการเงินที่ดีหรือแยกบัญชีบริษัทออกจากบัญชีส่วนตัวเลย
ความรับผิดชอบที่ผลักดันไปข้างหน้า คุณท็อปเล่าประสบการณ์ที่เคยเหลือเงินในบัญชีเพียง 2,000 บาทก่อนที่พนักงานสองคนจะได้รับเงินเดือน และความรู้สึกผิดเมื่อจ่ายเงินเดือนช้า เขากล่าวว่า "เราเป็นคนพาเด็กทุกคนมา" จึงไม่สามารถเลิกได้แม้จะท้อแท้ก็ตาม คุณคมสันต์เสริมว่าหนี้ที่พูดถึงไม่ได้มีแค่หนี้สถาบันการเงิน แต่รวมถึง "หนี้ที่เรารับปากกับเพื่อนร่วมงานเราว่าจะพาเขาไปถึงฝั่ง"
การบริหารจัดการเงินที่ไม่เป็น คุณคมสันต์เล่าประสบการณ์เมื่อได้รับเงินลงทุนก้อนใหญ่ (300-400 ล้านบาท) ครั้งแรกกลับใช้เงินไม่เป็น ทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าตอนไม่มีเงินเสียอีก "ตอนไม่เคยเจอเงินเยอะขนาดนั้นมาในชีวิต…รู้ตัวอีกทีคือที่บ้านไม่มีข้าว"
การนอนหลับสำคัญกว่าที่คิด คุณยอดและคุณท็อปเน้นย้ำถึงความสำคัญของการนอนหลับให้เพียงพอ คุณท็อปกล่าวว่า "ถ้าเรานอนไม่พอ โลกมันไม่น่าอยู่" และการนอนหลับเต็มที่เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ร่างกายและสมองทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับอุปสรรคต่างๆ
4. การสร้างความเชื่อมั่นและวัฒนธรรมองค์กร
การล้างสมองพนักงาน คุณยอดกล่าวถึง "สกิลในการล้างสมองคนอื่น" ที่สำคัญสำหรับ Founder คือการทำให้ทุกคนเห็นภาพเดียวกับที่เราเห็น "เราเบียวอ่ะ เราไม่คิดอยู่ในโลกของเราจริงๆ เราต้องทำให้ทุกคนอยู่ในโลกของเราให้ได้"
ความโปร่งใสและการปฏิบัติต่อพนักงาน คุณท็อปเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารกับพนักงานตลอดเวลา และ "Treat people อย่าง treat ใคร" รวมถึงความโปร่งใสในทุกเรื่อง
จงเชื่อแล้วจะเห็น คุณคมสันต์ใช้หลักการนี้ในการทำธุรกิจ คือต้องเชื่อในสิ่งที่ยังมองไม่เห็นก่อน และเมื่อเราเชื่ออย่างแท้จริง เพื่อนร่วมงานจะสัมผัสได้และมาร่วมสร้างฝันให้เป็นจริง
ความใจกว้างของ Founder คุณยอดเสริมว่าความใจกว้างเป็นเรื่องสำคัญ Founder ที่ดีต้องยอมลำบากเป็นคนสุดท้าย จ่ายเงินเดือนพนักงานก่อนตัวเอง และปฏิบัติต่อทีมงานอย่างเป็นธรรม สิ่งเหล่านี้สร้างความเชื่อมั่นและทำให้คนอยากติดตาม
5. อนาคตของ Startup ไทย
โอกาสที่จำกัดใน B2C โดยคุณยอดมองว่าโอกาสในธุรกิจ B2C (Business-to-Consumer) ในประเทศไทยมีน้อยมาก เพราะตลาดถูกครอบครองโดยผู้เล่นรายใหญ่ที่แข็งแกร่งแล้ว
จงมองหาโอกาสใน B2B และ Global โดยโอกาสอาจอยู่ในธุรกิจ B2B (Business-to-Business) หรือธุรกิจที่สามารถ "Target Global" ได้ตั้งแต่เริ่มต้น โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Web3 ที่ยังไม่สมบูรณ์
เปลี่ยนวิธีคิดให้ "Realist" มากขึ้น คุณท็อปกล่าวว่าจากเด็กโลกสวยที่อยากทำเพื่อประเทศ เขาถูก "ตบหน้าเยอะจนโลกความเป็นจริงตบหน้า" ทำให้เขากลายเป็นคน "Realist" มากขึ้นและจะสร้างธุรกิจใหม่โดยมองหา "เกาะคุ้มกันที่ทำให้เราแข็งแรงที่สุด" ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีสวยหรู
โอกาสในอุตสาหกรรมเก่าและ AI คุณคมสันต์มองว่าไทยยังเป็นตลาดที่ดี แต่ผู้เล่นรายใหญ่ไม่ยอมเปลี่ยน ทำให้ Startup มีโอกาสที่จะ "Disrupt" ได้ง่ายขึ้นโดยการนำโมเดลที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศมาปรับใช้ รวมถึงการใช้ AI ที่ช่วยลดต้นทุนและจำนวนคน ทำให้การเป็น Disruptor ง่ายกว่าในอดีต
6. การเผชิญหน้ากับ AI
ปัญญาประดิษฐ์ AI เปลี่ยนบทบาทพนักงาน คุณยอดเปิดเผยว่า Wongnai ได้นำ AI มาใช้มากขึ้นใน Call Center ซึ่งทำให้ "จ้างคนน้อยลง" และคาดว่าทีม Sales หรือ Operation บางส่วนก็จะถูกแทนที่ด้วย AI ในอนาคต
การปรับตัวของพนักงาน คุณยอดชี้ว่าพนักงานต้องปรับตัวเป็นผู้ใช้งานและประเมิน AI มากกว่าที่จะถูกแทนที่ทั้งหมด
AI Company คุณยอดประกาศว่า Wongnai จะเป็น "AI company" โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น Startup ที่ใหญ่ที่สุดต่อไป เพราะคลื่นเทคโนโลยีมาเร็วและจำเป็นต้องมี mindset แบบ Startup เสมอเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
7. ความสำคัญของคู่ชีวิตและผู้สนับสนุน
หลังบ้านที่มั่นคง คุณยอดเล่าว่าการมีแฟนที่สนับสนุนและ "นิ่งๆ" ไม่เคยตั้งคำถามหรือสงสัยในธุรกิจ ช่วยให้เขามีสมาธิในการทำงานได้อย่างเต็มที่ และทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้ทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน
การมี Partner ที่ดีคือทุกสิ่ง คุณคมสันต์เน้นว่าการมี Partner ที่ดี "สำคัญจนมากไปกว่าเรื่องธุรกิจถูกหรือไม่ถูกแล้ว" เพราะหากเป็นคนที่ไม่ถูกต้องก็อาจทำให้ทุกอย่างพังลงได้ แต่ถ้า Partner ดี แม้จะผิดพลาดก็สามารถแก้ไขไปด้วยกันได้
บทบาทที่แตกต่างแต่เกื้อหนุน คุณท็อปกล่าวว่าทีม Founder ของ Bitkub แม้จะมีการทะเลาะกันบ่อย แต่ก็มีความเชื่อเดียวกันและมีความรับผิดชอบร่วมกัน นอกจากนี้การที่ Partner แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญในบทบาทที่แตกต่างกัน เช่น Product, Architect โดยที่ไม่มีใครอยากเป็น CEO เหมือนกัน ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้องค์กรเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
8. คำแนะนำสู่ความสำเร็จ
"ยืมตังค์ทุกคนที่รู้จัก" โดยคุณคมสันต์แนะนำให้ผู้เริ่มต้นธุรกิจโทรไป "ยืมตังค์ทุกคนที่รู้จัก" เพื่อเป็นการ "เช็คเรตติ้ง" และจดจำไว้ว่าใครช่วยเราในวันที่ลำบาก
คุณท็อปแนะนำให้ "หน้าต้องด้าน" ไม่กลัวความล้มเหลว ไม่กลัวดูไม่ดี เพราะหากหน้าบางจะไม่กล้าทำสิ่งสำคัญหลายอย่าง รวมถึงการขอความช่วยเหลือ
จงล้มจนชินเป็นเรื่องปกติ คุณท็อปกล่าวว่าต้องล้มแล้วลุกตลอดเวลา เพราะความท้อเป็นเรื่องปกติแต่ต้องไม่เลิก
รางวัลต้องใหญ่พอ คุณคมสันต์กล่าวว่า "ถ้ารางวัลมันใหญ่พอ กูไม่ท้อหรอก" ดังนั้นต้องหาสิ่งที่ใหญ่พอที่จะเป็นแรงผลักดันให้เรากล้าเสียสละทุกอย่าง
ต้องมี "แผนสองเสมอ" คุณคมสันต์เน้นย้ำว่าแม้จะอินในธุรกิจ แต่ก็ต้องมี "แผนสองเสมอ" เพราะทุกการวางแผนมักจะไม่เป็นไปตามที่คิด
9. ประเด็นจากภาพยนตร์ "สงครามส่งด่วน"
โดยคุณคมสันต์ เปิดเผยว่าเขาไม่ได้จ้างคนทำหนัง และไม่รู้ว่าเนื้อหาจะออกมาอย่างไรจนได้ดูพร้อมกับทุกคน
แต่ภาพยนตร์ช่วยให้เขาเข้าใจชีวิตตัวเองมากขึ้น และตระหนักว่าตัวเองมี "ปัญหาเรื่องโลกซึมเศร้า" โดยกล่าวว่า "เราพยายามหลอกให้คนทั้งโลกว่ากูเจ๋งแล้วเว้ย กูพร้อมไปนะเว้ย" แต่จริงๆ แล้วมีมุมที่อ่อนแอและกังวลอยู่ตลอดเวลา
ปัจจุบันชื่อเล่นของคุณ "คมสันต์" กำลังเปลี่ยนเป็น "สันติ" เพราะภาพยนตร์สร้างผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัวของเขาอย่างมาก
บทสรุปจากเวทีเสวนาครั้งนี้ได้ฉายภาพให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เส้นทางสู่การเป็น "ยูนิคอร์น" นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เต็มไปด้วยความท้าทาย บทเรียนราคาแพง และการเสียสละอย่างมหาศาล ความสำเร็จของผู้ประกอบการทั้งสามท่านไม่ได้เกิดขึ้นจากโชคช่วย แต่หล่อหลอมขึ้นจากความมุ่งมั่นที่ไม่ย่อท้อ ความสามารถในการปรับตัวและมองหาโอกาสใหม่ ๆ
การเรียนรู้จากความผิดพลาด และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง แม้ภูมิทัศน์ของวงการสตาร์ทอัพไทยจะเปลี่ยนไป แต่เรื่องราวของพวกเขาก็เป็นเครื่องยืนยันว่าโอกาสยังคงมีอยู่สำหรับผู้ที่กล้าใช้เทคโนโลยีอย่าง AI เพื่อสร้างความได้เปรียบ และมีแนวคิดที่เป็นจริง (Realist) ท้ายที่สุดแล้ว นอกจากความฝันที่ยิ่งใหญ่ ความเป็นนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ และการมี "แผนสอง" เตรียมพร้อม คือกุญแจสำคัญที่จะนำพาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "Bitkub Meetup 2025" ช่วงที่ 1 ถอดรหัสความคิด 4 ผู้ประกอบการ กลยุทธ์บริหารธุรกิจในโลกที่ไม่หยุดนิ่ง
- บทสรุป Techsauce Global Summit 2025 ตอกย้ำภาพไทยสู่ ‘Tech Gateway’ แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- คณะรัฐมนตรีอนุมัติการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen E/F จากประเทศสวีเดน
- Bitkub x MapleStory ปั้นคอมมูนิตี้เกมเมอร์ Web3 ไทย
- “ท๊อป จิรายุส” ย้ำ "AI" "หุ่นยนต์" มาแน่ เตรียมรับมือ "อินเดีย" เป็นโรงงานโลกแห่งใหม่แทนจีน !?