สังคมตีตรา-อคติขวางผู้ป่วย HIV เข้าถึงยาทำเป้ายุติเอดส์ 2573 ล่ม ?
วันนี้ (23 ส.ค.2568) วัดพระบาทน้ำพุ กลายเป็นที่พึ่งสุดท้ายของ ผู้ป่วย HIV กว่า 60 คน ที่ถูกครอบครัวและสังคมปฏิเสธ ท่ามกลางข่าวการพบศพผู้ป่วยเอดส์จำนวนมาก ซึ่งกำลังถูกตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย เหตุการณ์นี้สะท้อนความตีตราและการทอดทิ้งผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์ ทำให้วัดกลายเป็นสถานที่ที่ผู้ป่วยเลือกอยู่จน วาระสุดท้ายแทนการกลับสู่ครอบครัว
ปัจจุบัน การติดเชื้อ HIV ไม่เท่ากับเอดส์ ผู้ติดเชื้อสามารถใช้ชีวิตปกติได้ หากได้รับยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแตกต่างจาก 40 ปีก่อนที่การรักษายังยากลำบาก ในปี 2535 ไทยมีผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่สูงถึง 150,000 คน แต่ตั้งแต่ปี 2548 ที่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้ยาต้านไวรัสฟรี จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงเหลือปีละ 8,000-9,000 คน ในปัจจุบัน
ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมราว 550,000 คน โดย 400,000 คน ได้รับยาต้านไวรัสสม่ำเสมอจนไวรัสอยู่ในระดับที่ไม่แพร่เชื้อ แต่ยังมีอีก 150,000 คน ที่ไม่ได้รับยา และมีผู้เสียชีวิตจากเอดส์ปีละกว่า 10,000 คน
แม้จะมีสิทธิรักษาฟรี นพ.พงศ์ธร ชาติพิทักษ์ ผู้อำนวยการกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค และ พญ.จุรีรัตน์ บวรวัฒนุวงศ์ นายกสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทย ชี้ว่า ความกลัว และ ความไม่รู้ เกี่ยวกับ HIV ในสังคมนำไปสู่อคติและการตีตรา ทำให้ผู้ติดเชื้อไม่กล้าเข้าสู่กระบวนการตรวจและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ส่งผลให้เสียโอกาสในการมีชีวิตปกติ
เป้าหมายของ กรมควบคุมโรค ที่จะยุติปัญหาเอดส์ภายในปี 2573 โดยลดผู้ติดเชื้อใหม่เหลือ ไม่ถึง 1,000 คน/ปี และผู้เสียชีวิตไม่เกิน 4,000 คน/ปี อาจไม่สำเร็จ หากสังคมยังคงตีตราและผลักผู้ติดเชื้อให้ถูกทอดทิ้ง ซึ่งบางครั้งกลายเป็นช่องทางให้เกิดการ แสวงหาผลประโยชน์ จากความทุกข์ของผู้ป่วย
อ่านข่าวอื่น :
น้ำท่วม "ช่างเคี่ยน" เขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบายน้ำ รับฝนหนักตอนบน