3 กลุ่มผสมโรง ปิดสวิตซ์ ‘สีน้ำเงิน’ ถอดถอน 136 สว. ล้างอำนาจ 'ภท.'
สว.ที่เรียกตัวเองว่าเป็น “กลุ่มอิสระ” นำโดย “น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ-นันทนา นันทวโรภาส” เดินเกมยื่นเรื่อง “ถอดถอน” สว.ขั้วน้ำเงิน ตามกลไกของรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ผ่านการเข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ร้องว่า “สว.” ทั้ง 136 คนสิ้นสุดสมาชิกภาพตามมาตรา 111 (7) ที่เชื่อมโยงข้อห้ามตามมาตรา 113 ที่กำหนดเป็นคุณสมบัติของสว.ว่า “ต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใดๆ”
ถือเป็นการประสบความสำเร็จ หลังจากที่เดินเกมนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา วัตถุประสงค์รอบนั้น คือหยุดการลงมติเห็นชอบ “กรรมการในองค์กรอิสระ” แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่มี สว.กลุ่มอื่นๆ เอาด้วย
และ “สว.นันทนา” ยอมรับภายหลังว่า เหตุที่ไม่มีใครร่วมลงชื่อ เพราะกลัวผลกระทบที่จะตามมา เนื่องจาก “สว.สีน้ำเงิน” เป็นกลุ่มใหญ่ที่คุมอำนาจทุกอย่างไว้เบ็ดเสร็จ ซึ่งอาจใช้มาตรการตอบโต้จน “สว.เสียงข้างน้อย” อยู่ไม่เป็นสุขได้
ทว่าเวลาผ่านมา 2 เดือน ปฏิบัติการเข้าชื่อถอดถอนได้เกิดขึ้นอีกครั้ง และรอบนี้ประสบความสำเร็จ มี สว.ร่วมลงชื่อครบจำนวนที่สามารถยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ และมีมากพอที่จะชนกับ “ปฏิบัติการล็อบบี้” ให้ถอนรายชื่อ
แม้ตัวเลข สว.ที่ร่วมลงชื่อจะไม่ได้รับคำยืนยันอย่างเป็นทางการ ว่ามีเท่าไรกันแน่ แต่การร่วมวงเปิดหน้าถอดถอน สว.ขั้วน้ำเงิน ของ“สว.” ที่เรียกตัวเองว่าเป็น “กลุ่มอิสระ” ได้แก่ “นันทนา สว.จาก กทม. น.ต.วุฒิพงศ์ สว.จากปทุมธานี สหพันธ์ รุ่งโรจน์พณิชย์ สว.จากกาญจนบุรี นิคม มากรุ่งแจ้ง สว.จากสมุทรสาครปิยพัฒน์ สุภาวรรณ สว.จากนนทบุรี ชวพล วัฒนพรมงคล สว.จากสมุทรสาคร ปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สว.จากสมุทรสาคร เอกชัย เรืองรัตน์ สว.จากฉะเชิงเทรา สะท้อนให้เห็นว่า มีสิ่งการันตีว่าไม่มี“มวยล้ม” แน่นอน
หากเช็คต้นขั้วของ “เกมล้างขั้วสีน้ำเงิน” ของ “สว.กลุ่มอิสระ”ครั้งนี้ พอจับทางได้ว่า มีการร่วมไม้ร่วมมือกันอย่างดีของ สว.3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพันธุ์ใหม่ นำโดย “นันทนา” ที่มีสมาชิกประมาณ 17 คน กลุ่มสีขาว นำโดย “เปรมศักดิ์ เพียรยุระ” มีสมาชิกประมาณ 10 คน และ กลุ่มอิสระ มีสมาชิกประมาณ 10 คน
ความน่าสนใจอยู่ที่กลุ่มสว.สีขาว ที่รับรู้ได้ว่า มีสายสัมพันธ์กับ “พรรคการเมืองสีแดง” จากครั้งที่เคยเป็นด่านหน้าให้ “พรรคเพื่อไทย” เสนอญัตติด่วน ให้รัฐสภามีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของรัฐสภา ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 256 ก่อนการออกเสียงประชามติได้หรือไม่ เพื่อหวังซื้อเวลาการเมืองให้กับ“รัฐบาล-เพื่อไทย”
รอบนี้ “กลุ่มสีขาว” ให้ความสนับสนุน “กลุ่มพันธุ์ใหม่”ร่วมลงชื่อด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านั้น “ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง” ว่าไม่ขอเล่นเกม
หากวิเคราะห์ อาจมีมูลเหตุและปัจจัยจากการ “สะบั้นสัมพันธ์” ระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคภูมิใจไทย”
ขณะเดียวกัน “แกนนำพรรคเพื่อไทย” พยายามรุกไล่เอาผิดทางกฎหมายกับ “แกนนำพรรคภูมิใจไทย” ในคดีที่ดินเขากระโดง จึงอาจเป็น “สัญญาณ” ให้ร่วมเล่นเกมไล่ต้อน“สว.ขั้วน้ำเงิน”
ขณะที่ สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่สามารถรวมตัวกันได้เหนียวแน่นรอบนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “แรงแค้น” จากการถูกกระทำในสภาสูง ทั้งการทำงานที่ไม่ได้รับการตอบสนองจาก สว.เสียงข้างมาก และการคุกคามซึ่งหน้า
อย่างกรณีของ น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ ที่ระบุว่าเกือบโดน “แกนนำสว.ขั้วน้ำเงิน” ชกหน้า หลังโต้เถียงกันในประเด็นการเลือกกรรมการองค์กรอิสระ จนนพ.วีระพันธุ์ สุวรรณามัย ต้องออกหน้า ระงับเหตุรุนแรง
หรือกรณีของ"อังคณา นีละไพจิตร” ที่ลาออกจากกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค เพราะไม่สามารถทำงานได้เต็มที่
หรือกรณีของ นันทนา นันทวโรภาส ที่ถูกกลไก “กรรมการจริยธรรมวุฒิสภา” ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานกรรมการตรวจสอบจริยธรรม เพราะมีคดีฟ้องร้องกับ “แดง กองมา” สว.ที่มาจากอาชีพแม่ค้าขายหมู เพราะ “นันทนา” อภิปรายในที่ประชุมวุฒิสภา วิจารณ์ความไม่เหมาะสมของการได้รับตำแหน่ง กมธ.การเมืองฯ
ประเด็นนี้ “นันทนา”ระบุว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการตรวจสอบ เพราะไม่เปิดโอกาสให้พยานเข้าชี้แจง และเชื่อว่าถูกใช้เป็นกลไกบดขยี้เสียงข้างน้อย เพราะ “สว.สีน้ำเงิน” ที่เป็นเสียงข้างมากในกรรมการจริยธรรม และในที่ประชุมวุฒิสภาเตรียมลงมติชี้ว่า ผิดจริยธรรมร้ายแรง เพื่อหวังจะถอดถอนออกจากตำแหน่งในชั้นของ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ดังนั้น ปฏิบัติการครั้งนี้ ที่ผสมกันของ “2 ขั้วการเมือง” ตรงข้าม “ขั้วสีน้ำเงิน” จึงเป็นเหตุให้การเข้าชื่อเพื่อถอดถอน 136 สว.นั้นประสบความสำเร็จ
ฉากต่อไป ที่ต้องติดตามคือ “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา ในฐานะบุรุษไปรษณีย์ จะส่งเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญวันใด หรือไม่ เพราะเจ้าตัวเป็น 1 ใน 136 สว.สีน้ำเงิน ที่ถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการสิ้นสมาชิกภาพด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ตราบใดที่เรื่องยังไม่ส่งไปที่ศาล ก็ยังมีโอกาสเจอเกมล็อบบี้ให้ถอนชื่อ ไม่ให้ครบตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 หรืออาจใช้กลไกวินิจฉัยความ เพื่อ ยับยั้งการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
ไม่ว่า“3 ขั้วในสภาสูง” จะเล่นเกมตอบโต้กันอย่างไร ปฏิเสธไม่ได้ว่า “สงครามการเมือง” รอบนี้ เล่นกันหนัก เมื่อการเมืองเปลี่ยนข้าง หมดอำนาจต่อรอง
ที่สำคัญยังมีเดิมพันไปยังการเมืองสนามใหญ่ ที่ “พรรคเพื่อไทย” ประกาศล้างบาง“พรรคภูมิใจไทย” ในถิ่นอีสาน เพื่อให้ได้กลับมาครองเสียงข้างมาก และกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีกครั้ง