บึ้มทหารไทยขาขาดอีกแล้ว-ถึงเวลาเอาคืนเขมร?
แนวรบชายแดนไทย-กัมพูชา ยังต้องเสี่ยงชีวิตลาดตระเวนกลางทุ่นระเบิด หลังเหตุระเบิดซ้ำทำบาดเจ็บต่อเนื่อง กองทัพบกประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมส่งสัญญาณอาจใช้ “สิทธิป้องกันตนเอง” ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
วันหยุด วันแม่ 12 สิงหาที่คนไทยทุกคนมีโอกาสรดน้ำขอพรและพาแม่ไปเที่ยวทานอาหาร แต่ “ทหารไทย” รั้วของชาติ ที่ยังอยู่ในแนวรบเผชิญหน้า “ข้าศึก”ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่มีโอกาส เพราะมิอาจหยุดเฝ้าระวัง ต้องลาดตะเวนตลอดแนวชายแดนที่เต็มไปด้วยอันตรายจากฝ่ายตรงข้าม ที่มาในแนว “ลอบกัด”วางทุ่นระเบิดสังหาร ไว้ตลอดแนวรบอย่างมีเจตนาทำร้ายทหารไทย โดยปฏิเสธที่จะเก็บกู้แม้มีการยื่นข้อเสนอจากฝ่ายไทย นับตั้งแต่การเจรจา “หยุดยิงทันที”สหรัฐฯโดยทรัมป์ รับบทจัดให้มีการเจรจา 28ก.ค.จนมาถึง การประชุม กรรมาธิการชายแดนไทยกัมพูชาหรือ GBC 7ส.ค. ที่จะต้องมีการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อให้ ฝ่ายทหารของไทย-กัมพูชา หารือกัน เพื่อดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง
ที่ก็เป็นไปอย่างที่หลายฝ่ายกังวลว่าเหตุการณ์ ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดใหม่หลังการเจรจาวง GBC 7 ส.ค. จะไม่จบแค่ เหตุการณ์ทหาร 3 นายเหยียบกับระเบิดจนขาขาด 1 ราย วันที่ 9 ส.ค. เมื่อปรากฏว่า วันนี้ ยังคงเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน โดย “พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์” รองโฆษก ทบ. เผยในช่วงสายวันนี้ 12ส.ค.ว่า ประมาณ 09.10 น. กองทัพบกได้รับรายงานว่า หน่วยทหารพรานร้อย.ทพ.2610 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขา 1 นาย คือ “ส.อ.ธีรพล เพียขันที” โดย บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทยเป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำ
โดยกรณีดังกล่าวที่ถือเป็น “กับระเบิดใหม่” เช่นเดียวกับวันที่ 9ส.ค. ทั้งๆที่หลังเหตุการณ์ครั้งก่อน ทั้งกองทัพบก และ กระทรวงการต่างประเทศ มีการประณามอย่างรุนแรง ว่า เขมรทำผิดตามอนุสัญญาออตโตวาและเตรียมมีการรวบรวมหลักฐานในการดำเนินการตามขั้นตอน หากแต่ก็ยังกิดเหตุการณ์ต่อเนื่อง และทำให้ทหารได้ได้รับบาดเจ็บ โดยหนนี้ มีความน่าสนใจกับท่าทีของ กองทัพบกที่นอกจากการประณามอย่างรุนแรงแล้ว ยังเตรียมที่จะมีการใช้”สิทธิป้องกันตนเอง” อย่างที่ “พลตรีวินธัย สุวารี”
โฆษกกองทัพบก ระบุว่า เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตี
ที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย
ทั้งนี้ เหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน ซึ่งสะท้อนถึงเจตนาร้าย และพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามและละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าการใช้อาวุธ โดยฝั่งกัมพูชายังคงมีอยู่ตลอดเวลาในช่วงมีข้อตกลงหยุดยิง พร้อมยอมรับว่าพฤติกรรมและการกระทำลักษณะเช่นนี้ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการ ในมาตรการหยุดยิง และเป็นท่าทีที่ชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาต้องการจะคุกคามไทยด้วยการใช้อาวุธทางทหาร ในรูปแบบซ่อนเร้นไม่เปิดเผย ทำให้เชื่อได้ว่ากัมพูชายังคงดำรงความมุ่งหมายที่จะทำร้ายฝ่ายไทย ด้วยรูปแบบลอบทำร้ายอยู่ตลอดเวลา แม้เวลานี้จะอยู่ในช่วงการตกลงหยุดยิงซึ่งต้องไม่มีการใช้อาวุธต่อกันในทุกรูปแบบ
โดยถ้อยแถลงของ โฆษกกองทัพบก ยังระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นยังสอดรับกันอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะจากการที่กัมพูชาไม่ยอมตอบรับข้อเสนอฝ่ายไทย ในเรื่องของทุ่นระเบิด จากการประชุม GBC ในครั้งที่ผ่านมา จึงเชื่อว่าเรื่องทุ่นระเบิดนี้น่าจะมีการวางแผน
ใช้กันมาอย่างเป็นระบบเพื่อเจตนานำมาใช้คุกคามทำร้ายฝ่ายไทยที่ผ่านมา กองทัพบก ยึดมั่นแนวทางสันติวิธีมาตลอดและไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่หากสถานการณ์บีบบังคับ ก็อาจจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศในการคลี่คลาย สถานการณ์ที่ทำให้ฝ่ายไทยต้องสูญเสียกำลังพลอย่างต่อเนื่อง จากการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และรุกล้ำอธิปไตยของทหารกัมพูชา
น่าสนใจว่า ท่าทีของกองทัพบก มาในท่วงทำนองเหมือนจะบอกว่าอาจถึงเวลา “เอาคืนเขมร” ที่มีการละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง ที่ตามกฎบัตรกฎหมายระหว่างประเทศของสหประชาชาติ ไทยมีสิทธิ์ ป้องกันตนเอง ป้องกันประเทศ ปกป้องประชาชนได้ ตาม มาตรา 51 แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ UN Charter, Article 51 โดยเฉพาะหากพบและมีหลักฐาน ว่าสถานการณ์เช่นนี้ มีลักษณะเป็นภัยคุกคามใกล้เกิดขึ้น Imminent Threat แม้จะเป็นช่วงของการหยุดยิงและรอการเจรจาของระดับ RBC และ GBC
ที่ต้องติดตามการตัดสินใจของรัฐบาลและเหล่าทัพที่อยู่หน้างานหลังจากนี้ต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews