แก้ปัญหาหน้าโทรม ใต้ตาคล้ำ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อย่างไรให้ปลอดภัย
ตื่นมาก็ยังดูโทรม ทั้งที่นอนเต็มอิ่ม? ปัญหาใต้ตาคล้ำ ตาโหล หน้าเหนื่อยล้า อาจไม่ได้มาจากการพักผ่อนน้อยเท่านั้น แต่อาจเกี่ยวกับโครงสร้างใบหน้าหรือผิวที่บางลงตามวัย ข่าวดีคือ คุณไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคือหัตถการที่ช่วยให้ใบหน้ากลับมาสดใส ดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติทันทีหลังทำ
บทความนี้จะพาคุณรู้ทุกอย่างที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ ไม่ว่าจะคืออะไร ปลอดภัยไหม อยู่ได้นานแค่ไหน ดูแลยังไง และเลือกคลินิกยังไงให้มั่นใจ
ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร? ทำไมใครๆ ก็เลือกใช้แก้หน้าโทรม
ฟิลเลอร์ใต้ตา คือการฉีดสารประเภท Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปที่บริเวณใต้ตา ที่มีปัญหา เช่น ร่องลึก, ความดำคล้ำ, เหี่ยวย่นหรือผิวบาง เพื่อให้ดูเรียบเนียน สดใส และอ่อนเยาว์ขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ
จุดที่นิยมฉีด
- ร่องน้ำตา (Tear Trough)- บริเวณที่เป็นร่องลึกจากหัวตาไปถึงใต้ตา
- ใต้ตาคล้ำ/ใต้ตาดำ - ช่วยลดความหมองคล้ำจากเงาของร่องลึก
- บริเวณผิวบางใต้ตา- เติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้น
- บริเวณถุงใต้ตา- เติมเต็มผิวใต้ต้าที่เกิดถุงหย่อนยานให้กระชับและตื้นขึ้น
ทำไมถึงฮิต?
- ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 15–30 นาที
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตต่อได้เลย
- ผลลัพธ์เห็นทันทีหลังฉีด
- ไม่ต้องผ่าตัด และสามารถปรับแก้ได้หากไม่พอใจ
- ช่วยให้หน้าดูสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ดูปลอม
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?
ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ใช่แค่สำหรับคนอายุเยอะเท่านั้น จริงๆ แล้วมันเหมาะกับหลายคนที่มีปัญหาเหล่านี้
มีร่องลึกใต้ตา
ร่องลึกที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูก หรือการสูญเสียชั้นผิวที่เคยหนาจากอายุที่มากขึ้น จนทำให้หน้าดูเหนื่อย โทรม ไม่สดใส และแก่กว่าวัยอันควร
ใต้ตาคล้ำจากร่องลึก
เป็นใต้ตาคล้ำจากการยุบตัวของกระดูกเบ้าตา ที่ไม่ใช่สีเม็ดสีหรือเส้นเลือดทำให้คล้ำ
ผิวใต้ตาบาง
จนทำให้เห็นโครงกระดูกหรือรอยแดงชัดเจน ซึ่งทำให้หน้าดูโทรม ไม่สดใส
อยากปรับลุคให้ดูสดใสขึ้นแบบธรรมชาติ
หลายครั้งที่ภาพหน้าโดยรวมในแต่ละวันโทรมมาก ๆ ไม่ว่าจะอายุที่มากขึ้น หรือมลภาวะ ความเครียด การพักผ่อนน้อย ตรงจุดนี้แหละที่ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยเติมเต็มกลบความโทรมอวดความสดใสให้ใบหน้าได้
ไม่มีเวลาพักฟื้นนาน และไม่ต้องการผ่าตัด
ยุคนี้ ๆ ใคร ๆ ก็อยากสวยหล่อไว ๆ แข่งกับเวลาอันเร่งรีบ ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ตอบโจทย์มาก โดยเฉพาะคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น และกลัวเจ็บจากการผ่าตัดศัลยกรรม
ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน? ต้องเติมบ่อยไหม?
โดยทั่วไป ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อมาตรฐาน จะอยู่ได้นานประมาณ 8 เดือน – 1.5 ปี ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยดังนี้
ยี่ห้อของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ยอดนิยมใช้ในไทย เช่น Restylane, Juvederm, Belotero ล้วนได้มาตรฐานและมีหลายรุ่นให้เลือกตามคุณสมบัติของเนื้อฟิลเลอร์ หากเลือกชนิดที่เหมาะกับใต้ตา จะให้ผลลัพธ์ที่เนียนเป็นธรรมชาติ และปลอดภัยกับบริเวณรอบดวงตา
เทคนิคของแพทย์
การฉีดลึกหรือฉีดตื้นก็ส่งผลต่อการสลายได้เช่นกัน ดังนั้นควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ สามารถประเมินปัญหา เลือกยี่ห้อ เลือกปริมาณ และตำแหน่งในการฉีดที่แม่นยำที่สุด
ระบบเผาผลาญของแต่ละคน
บางคนฟิลเลอร์สลายเร็วเพราะร่างกายย่อย HA ได้ไวกว่าคนอื่น แต่โดยรวมแล้วไม่ใช่ปัญหาหลัก ร่างกายคนเรามีกลไกการย่อยสลายไม่เร็วจนถือว่าไม่คุ้มค่าต่อการฉีดขนาดนั้นหรอก
การดูแลหลังฉีด
เช่น หลีกเลี่ยงความร้อน การนวด การกดทับ ดื่มน้ำเยอะ ๆ ก็จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้เต็มประสิทธิภาพ
ต้องเติมบ่อยไหม?
ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเติมบ่อย
แนะนำให้รอดูผลหลัง 1 เดือนแรก หากต้องปรับเพิ่ม แพทย์จะประเมินให้อย่างพอดี
เมื่อเริ่มจางหรือยุบลง สามารถเติมซ้ำได้ โดยไม่จำเป็นต้องฉีดใหม่ทั้งหมด
ผลข้างเคียงมีไหม? ทำยังไงให้ปลอดภัย
แม้ฟิลเลอร์ใต้ตาจะถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่ควรเข้าใจไว้ก่อนตัดสินใจ เพื่อความสบายใจและปลอดภัยในระยะยาว
อาการข้างเคียงที่อาจพบได้
- บวม ช้ำเล็กน้อยหลังฉีด พบได้ทั่วไป และจะหายได้เองภายใน 3–7 วัน
- อาการตึง หรือรู้สึกแน่นใต้ตาชั่วคราว
- ผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบ มักเกิดจากเทคนิคการฉีด
ในกรณีที่ร้ายแรงพบได้น้อยมาก เช่น หากฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดโดยตรง อาจส่งผลให้เส้นเลือดอุดตัน ซึ่งในกรณีรุนแรงอาจนำไปสู่การตาบอดถาวร ดังนั้นแพทย์ต้องมีความรู้เรื่องกายวิภาคใบหน้าอย่างแม่นยำ
ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบไหน เหมาะกับคุณ?
ไม่ใช่ทุกยี่ห้อของฟิลเลอร์จะเหมาะกับใต้ตา เพราะผิวบริเวณนี้บางและอ่อนไหวกว่าจุดอื่น ดังนั้นต้องเลือกชนิดที่มีเนื้อละเอียด ไหลตัวดี ไม่จับเป็นก้อน และไม่ฟูเกินไป
ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ฉีดใต้ตา
- Restylane รุ่น Vital Light / รุ่น Eyelight
เป็นฟิลเลอร์เนื้อบางเบา กลืนไปกับผิวที่บอบบางอย่างผิวใต้ตา ทำให้ฉีดออกมาดูเป็นธรรมชาติ
- Juvederm รุ่น Volbella
มีลักษณะเนื้อเนียน ละเอียด เหมาะกับผิวบาง หรือคนที่มีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ บริเวณรอบดวงตา
- Belotero รุ่น Soft
ถือว่าเป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียด กระจายตัวดี เวลาฉีดใต้ตาสามารถลดโอกาสเป็นก้อน หรือเป็นคลื่นได้ดี
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เตรียมตัวยังไงดี?
การเตรียมตัวเล็กน้อยก่อนฉีดฟิลเลอร์ ช่วยลดโอกาสบวม ช้ำ และทำให้ผลลัพธ์ดูเนียนสวยขึ้นแบบที่มือใหม่ไม่เคยฉีดมาก่อนก็ทำได้ง่าย ๆ
ข้อควรทำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6- 8 ชั่วโมง
- ให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น
ข้อควรเลี่ยง
- งดทำเลเซอร์/ทรีตเมนต์ร้อนก่อนฉีด
- งดวิตามินบางชนิดที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างเช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, แปะก๊วย และยาแก้อักเสบบางชนิด เช่น แอสไพริน ประมาณ 3–7 วันก่อนฉีด
- งดเครื่องแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ไปรบกวนกระบวนการเติมเต็ม และลดอาการบวมน้ำที่ทำให้ฟิลเลอร์ยุบตัวช้าลง
- งดแต่งหน้าหนา ๆ ก่อนเข้าห้องหัตถการ
ดูแลตัวเองยังไงหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ให้เข้าที่เร็ว ไม่บวม ไม่เป็นก้อน
โดยปกติแล้วผลลัพธ์จะเข้าที่จริง ๆ ภายใน 7–14 วัน ฉะนั้นอย่าเพิ่งใจร้อน ตัดสินตั้งแต่วันแรก ๆ และควรดูแลตัวเองให้ดี เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นชัดไวขึ้น แถมยังช่วยลดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้ด้วย
- ประคบเย็นเบา ๆ บริเวณที่ฉีดภายใน 24 ชั่วโมงแรก
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ ช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวดี
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ห้ามนวด กด หรือเกาใต้ตาในช่วง 1 สัปดาห์แรก
- หลีกเลี่ยงห้องซาวน่า ความร้อนจัด หรือออกกำลังกายหนัก
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1–3 วัน
เลือกคลินิกยังไงให้มั่นใจ ปลอดภัย และคุ้มค่า
ใต้ตาเป็นจุดที่บอบบางและมีเส้นเลือดเยอะมากนะ ฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณนี้ไม่ควรพิจารณาแค่ราคาอย่างเดียว จะต้องดูปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะการตรวจสอบคลินิกและแพทย์ให้มั่นใจก่อนตัดสินใจ
- เลือกฉีดกับคลินิกที่มีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข หรือตรวจสอบใบอนุญาต 11 หลักติดที่หน้าคลินิกทุกครั้งก่อนเข้าบริการ
- เลือกฉีดกับแพทย์ที่จบเฉพาะทาง หรือมีประสบการณ์ด้านฟิลเลอร์มานาน
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ มีฉลาก อย. และก่อนฉีดทางคลินิกควรเปิดกล่องให้ดูต่อหน้า
- มีรีวิวจริงจากผู้ใช้บริการ ควรดูทั้งรีวิวดี และรีวิวกลาง ๆ ที่จริงใจประกอบการตัดสินใจ
- เลือกคลินิกที่ไม่เร่งขาย ไม่บีบให้ฉีดเยอะ ไม่พวงโปรโมชั่น และถามอะไรตอบได้ชัดเจน ตรงไปตรงมา
ตอบทุกคำถามยอดฮิตเรื่องฟิลเลอร์ใต้ตา
Q: ฟิลเลอร์ใต้ตาจะดูโป๊ะไหม? คนอื่นจะรู้ไหมว่าฉีดมา?
A: ถ้าทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสม จะดูเป็นธรรมชาติจนไม่มีใครรู้ ว่าคุณทำอะไรมา แค่จะดูสดใสขึ้นเหมือนคนพักผ่อนเพียงพอ
Q: ฉีดแล้วเจ็บไหม?
A: ส่วนใหญ่เจ็บเพียงเล็กน้อยตอนเข็มแรก ๆ เพราะมีการใช้ยาชาหรือเข็มปลายทู่ช่วยลดความเจ็บ
Q: ต้องใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผล?
A: ขึ้นอยู่กับระดับร่องลึกและโครงสร้างผิว ส่วนมากเริ่มที่ 1 CC ก็เพียงพอในเคสทั่วไป และบางคนอาจต้องเติมเพิ่มเล็กน้อย แต่ทั้งหมดต้องอยู่ในการประเมินของแพทย์เจ้าของเคส
Q: ฟิลเลอร์สลายหมดแล้วหน้าจะเหี่ยวกว่าเดิมไหม?
A: ไม่เหี่ยว เพราะฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายอย่างเป็นธรรมชาติ และ ไม่ทำให้ผิวแย่ลง อีกอย่าง Hyaluronic Acid ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นด้วยซ้ำ
Q: ทำไมบางคนฉีดแล้วบวม หรือดูเป็นก้อน?
A: สาเหตุหลักมักเกิดจากการฉีดผิดเทคนิค ใช้ฟิลเลอร์ผิดชนิด หรือฉีดในปริมาณมากเกินความจำเป็น เพราะฉะนั้นการเลือกแพทย์คือหัวใจของผลลัพธ์ที่ดี
สรุป ฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ใช่แค่เรื่องความงาม แต่มันสร้างความมั่นใจบนใบหน้าที่เห็นได้อย่างชัดเจน
ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ใช่ทางลัดความสวยที่เติมเพียงตำแหน่งเดียวแล้วจะเปลี่ยนทุกอย่าง แต่เป็นตัวช่วยสำหรับคนที่รู้สึกว่าอยากให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใสขึ้น มีมิติขึ้น ลดความโทรม กลบความแก่ออกไป หรือสร้างความมั่นใจในวันที่ส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าเราดูดีขึ้นนิดนึงนะแค่นั้นเลย และไม่ว่าคุณจะตัดสินใจทำหรือไม่ทำ เราเชื่อว่าการมีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับบริการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานี้ จะช่วยให้คุณเลือกในแบบที่มั่นใจ และสบายใจกับตัวเองมากที่สุด