เปิดฉากยิ่งใหญ่ ‘อว.แฟร์ – มหกรรมวิทย์’ปี 68 สทน.ระดมเทคโนโลยีนิวเคลียร์สร้างอนาคตไทย
เปิดฉากยิ่งใหญ่ ‘อว.แฟร์ – มหกรรมวิทย์’ปี 68 สทน.ระดมเทคโนโลยีนิวเคลียร์สร้างอนาคตไทย
น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดงาน “มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ วิจัย และนวัตกรรม (อววน.) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนด้วยพลังสหวิทยาการ” หรือ “อว.แฟร์ 2025 : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND” และงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2568” (NST Fair 2025) พร้อมมอบรางวัล Prime Minister’s Science Award 2025 ให้แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย เพื่อเชิดชูเยาวชนผู้มีผลงานโดดเด่นด้านวิทยาศาสตร์ โดยมี ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการ รมว.อว. ดร.แอนเจลา แมคโดนัลด์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย นางเทย์เออะ มาร์ที่เนอะ อ็อตมันน์ อุปทูตรักษาราชการสถานเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตจีน ญี่ปุ่น เดนมาร์ก และฝรั่งเศส และผู้บริหารระดับสูงกระทรวง อว. เข้าร่วม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ
น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า อว.มุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบาย “สร้างปัญญา เปิดโอกาส สร้างอนาคตไทย” ให้เป็นรูปธรรมผ่าน 2 ภารกิจหลัก คือ การพัฒนากำลังคนอย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ยกระดับวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนประเทศด้วยองค์ความรู้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการจัดงาน อว.แฟร์ 2025 : Creators of Tomorrow และงาน NST fair 2025 : Science in Action! For Sustainable Communities และแสดงให้เห็นถึงการนำนโยบายทั้ง 2 ด้าน มาสร้างเป็นเวทีที่มากกว่านิทรรศการและงานเสวนาวิชาการ แต่เป็นพื้นที่ที่จุดประกายให้คนไทยทุกช่วงวัยได้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์นำไปสู่การลงมือทำ พร้อมเปิดโอกาสให้เยาวชน นักวิจัย ผู้ประกอบการ และประชาชนทุกคนได้เริ่มสร้างอนาคตไทยด้วยพลังของทั้งศาสตร์และศิลป์ผสานเข้าด้วยกันจนเกิดเป็น ‘นวัตกรรม’ โดย อว. ได้ให้ความสำคัญในการเพิ่มศักยภาพของคนไทยผ่าน 3 นโยบายหลักประกอบด้วย ประการแรก: สร้างปัญญา ด้วยการเปิดพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่เข้มข้นผ่านนิทรรศการ เทคโนโลยี และกิจกรรมที่บูรณาการทั้งศาสตร์และศิลป์ เพื่อปลูกฝังความรู้ ความคิด และทักษะให้แก่เยาวชนและประชาชนทุกช่วงวัย ประการที่สอง: เปิดโอกาส ด้วยการเชื่อมโยงงานวิจัย เทคโนโลยี และทุนการศึกษาเพื่อให้ทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงการเรียนรู้และการพัฒนาอย่างเท่าเทียม ประการที่สาม: สร้างอนาคตไทย ด้วยการขับเคลื่อน Soft Power, Deep Tech และอุตสาหกรรมอนาคตผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ มหาวิทยาลัย และผู้ประกอบการ เพื่อให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันเวทีโลก นโยบายทั้งหมด คือ การสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ การวิจัยและการสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงระหว่างห้องเรียน ห้องแล็บ ชุมชน และธุรกิจเพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น AI, EV, Semiconductor, Smart Farming, เศรษฐกิจอวกาศ และ Soft Power ไทย
รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. เปิดเผยว่า สทน. ได้นำผลงานความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในประเทศไทย และตัวอย่างการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ มาแสดงในนิทรรศการ อว.แฟร์ ผลงานที่นำมาแสดงมีเรื่องที่น่าสนใจหลายเรื่อง เช่น การตรวจอัตลักษณ์ของผลผลิตทางการเกษตรและอาหารโดยใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ ยกตัวอย่างสินค้าเกษตร เช่น กาแฟ ปัจจุบันไทยมีกาแฟคุณภาพที่มีชื่อเสียงมาจากแหล่งปลูกหลายแห่ง เช่น กาแฟจากดอยช้าง กาแฟเชียงใหม่ กาแฟกระบุรี จ.ระนอง กาแฟสวี จ.ชุมพร หากดูจากลักษณะภายนอกแล้วก็เหมือนกันหมดยากที่จะสามารถแยกความแตกต่างได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์ทำให้สามารถพิสูจน์ได้ว่า กาแฟแต่ละชนิดเป็นกาแฟมาจากแหล่งปลูกที่ใด เป็นของแท้หรือไม่ มีการแอบอ้างหรือเปล่า ภายในงานมีแล็บเบื้องต้นที่สามารถเข้ามาศึกษาได้ ถัดไปจะเป็นเรื่องของน้ำผึ้ง น้ำมะพร้าว น้ำผลไม้ ทางเราสามารถใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ยืนยันได้ว่า น้ำผึ้ง น้ำมะพร้าว หรือน้ำผลไม้ต่าง ๆ มีการผสมน้ำตาลหรือเป็นของแท้หรือไม่ เทคโนโลยีการตรวจพิสูจน์นี้จะช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ส่งออกยืนยันในความแท้ของผลผลิตได้ นอกจากนี้ยังมีการแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเครื่องไซโคลตรอนที่ใช้ผลิตสารเภสัชรังสีทางการแพทย์เพื่อใช้ในการตรวจและรักษาโรคมะเร็ง สทน. มีเทคโนโลยีและเครื่องไซโคลตรอนที่สามารถผลิตสารเภสัชรังสี และผลิตยาสำหรับรักษาโรคมะเร็ง เพื่อส่งต่อการรักษาให้กับโรงพยาบาลในประเทศ ช่วยลดการนำเข้าและการพึ่งพาต่างประเทศได้ เครื่องนี้อยู่ในระหว่างการติดตั้ง คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยในปี 2569 สำหรับเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่สำคัญอีกเรื่องคือ เทคโนโลยีฟิวชัน หรือที่เราเรียกกันว่าดวงอาทิตย์ประดิษฐ์ (โทคาแมค-T1) ปัจจุบัน สทน. มีเครื่องโทคาแมคเครื่องเดียวในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนอยู่ที่ สทน. องครักษ์ เพื่อวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับพลังงานแห่งอนาคต ซึ่งหากทำสำเร็จเราก็จะได้แหล่งพลังงานสะอาด ปลอดภัย ไม่มีสารกัมมันตรังสีและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับการจัดงาน อว.แฟร์ ในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Creators of Tomorrow : คิดสร้างสรรค์ Kids คิดสร้างอนาคต” บนพื้นที่กว่า 23,000 ตารางเมตร ของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แบ่งพื้นที่เป็น 7 โซน ได้แก่ ZONE A: INSPIRED ARENA จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้เด็กและเยาวชน, ZONE B: LEARNING ARCADE พื้นที่เรียนรู้ในรูปแบบเกม, ZONE C: INNOVATOR PLAYGROUND พื้นที่ปั้น นวัตกรรุ่นใหม่ เสริมพลังธุรกิจไทยสู่อนาคต, ZONE D: VALLEY OF GROWTH นวัตกรรมเพื่ออนาคตของธุรกิจไทย, ZONE E: LIVING DISTRICT นวัตกรรมเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในอนาคต, ZONE F: ART & SCIENCE FOR FUTURE THAILAND วิทยาศาสตร์ที่ผสานกับพลังจินตนาการของมนุษย์, ZONE G: CRAFT MARKET ตลาดนวัตกรรมทั่วประเทศรวมสินค้ากว่า 20,000 รายการ จาก 350 ร้านค้า 9-17 ส.ค. นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เปิดฉากยิ่งใหญ่ ‘อว.แฟร์ – มหกรรมวิทย์’ปี 68 สทน.ระดมเทคโนโลยีนิวเคลียร์สร้างอนาคตไทย
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th