แว่นตา AI ยังไม่พร้อมผลิตแมส ติดปัญหาต้นทุน-ฟีเจอร์ไม่โดน
แม้หลายบริษัทเทคโนโลยีจีนจะเปิดตัว “แว่นตา AI” รุ่นใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่มีเพียงไม่กี่รายที่สามารถผลิตได้ในระดับแมส เนื่องจากยังติดปัญหาหลักหลายด้าน ทั้งการใช้งานจริงที่ยังไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ ต้นทุนวัตถุดิบสูง และการบูรณาการซัพพลายเชนที่ยังไม่สมบูรณ์ ตามความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม
ชุย ไห่เทา ประธานบริษัท Goolton Technology ในกว่างโจว เปิดเผยว่า การผลิตแว่นตา AI เป็นเรื่องท้าทายมาก เพราะซัพพลายเชนยังไม่พัฒนาเต็มที่ “แม้เราจะทำงานในด้านนี้มา 7-8 ปี แต่การเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ไม่ง่ายอย่างที่คิด”
ปีนี้แว่นตา AI ได้รับความสนใจอย่างมากในงานระดับโลกอย่าง International Consumer Electronics Show และ World AI Conference โดยบริษัทยักษ์ใหญ่จีนอย่าง Xiaomi, Alibaba และ China Telecom ต่างเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดยังขาดผู้ใช้งานจริง และร้านแว่นตาทั่วไปยังไม่ได้นำสินค้ากลุ่มนี้มาวางจำหน่ายอย่างแพร่หลาย
ฟีเจอร์จริงยังไม่โดนใจผู้ใช้
ซุน เหยียนเปียว ประธาน Chaodian Think Tank ระบุว่า แม้ฮาร์ดแวร์ของแว่นตา AI จาก Xiaomi จะมีสเปกดี แต่ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยนำสินค้าราคา 2,000 หยวน (9,000 บาท / ราว 278 ดอลลาร์สหรัฐ) มาคืน หลังพบว่าฟังก์ชันจริงมีจำกัดและให้ความรู้สึกคล้ายของเล่น ปรากฏการณ์นี้เกิดกับสินค้าประเภทเดียวกันหลายรุ่นที่ขายออนไลน์
ผู้ใช้มักคาดหวังให้แว่นตา AI มีพลังประมวลผลสูง ทำงานได้หลายอย่าง และยังต้องดูดีเมื่อสวมใส่ ทำให้ผู้ผลิตอยู่ในสถานการณ์กดดันสูง
ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีและต้นทุน
ชุย เสริมว่า ปัญหายังอยู่ที่ความไม่สมบูรณ์ของซัพพลายเชน ทั้งชิป อัลกอริธึม AI แบบ edge และวัสดุ หลายผู้ผลิตยังใช้ชิ้นส่วนจากสมาร์ทโฟน ทำให้ขนาดใหญ่เกินไปและกินพลังงานสูง
หู จวิน ประธาน Shenzhen Coding IOT Technology ชี้ว่า แว่นตา AI ที่ตอบสนองเร็วและถ่ายภาพคุณภาพสูงได้ ต้องใช้ชิปหลักที่ทรงพลัง แต่ชิปที่มีอยู่ยังไม่สามารถบาลานซ์ระหว่างพลังประมวลผลสูงกับการใช้พลังงานต่ำ ส่งผลให้แบตหมดเร็วและร้อนเมื่อใช้งาน AI ต่อเนื่อง
โดยทั่วไป แว่นตา AI หนักราว 40-50 กรัม แต่ต้องบรรจุชิ้นส่วนจำนวนมาก เช่น ชิป หน่วยความจำ เซ็นเซอร์ โมดูลออปติก ลำโพง เลนส์ และแบตเตอรี่ และยังไม่มีผู้ผลิตรายใดที่สามารถบูรณาการทุกองค์ประกอบได้ครบทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ระบบ และอัลกอริธึม
ต้นทุนโมดูลแสดงผลก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เลนส์ Micro LED เพียงชิ้นเดียวมีราคามากกว่า 1,000 หยวน (4,500 บาท) และหากใช้สองเลนส์จะเกิน 2,000 หยวน (9,000 บาท) ทำให้ราคาสุดท้ายสูงเกินกำลังซื้อของผู้บริโภคส่วนใหญ่ เช่น RayNeo วางจำหน่ายรุ่นเลนส์ Micro LED ราว 14,000 หยวน (63,000 บาท / ประมาณ 1,950 ดอลลาร์สหรัฐ)
หู ระบุว่าแว่นตา AI แบบมีจอแสดงผลจะยังไม่สามารถทำตลาดในวงกว้างได้ภายใน 2 ปีนี้ จนกว่าต้นทุนวัตถุดิบจะลดลง
ตามข้อมูลของ Runto Technology ปีนี้ยอดจัดส่งแว่นตา AI ในจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 200% จาก 800,000 เครื่องเมื่อปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรุ่นเน้นฟังเพลงและเสียง AI ขณะที่ทั่วโลกคาดว่าจะโต 217% แตะเกือบ 10 ล้านเครื่อง
ที่มา Yicaiglobal