โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

“สนั่น”ชำแหละ “เวียดนาม–ไทย” คู่ค้า-คู่แข่งสำคัญบนเวทีโลก ศึกภาษีทรัมป์ไทยเสียเปรียบ

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

โดยในปี 2567 ล่าสุดไทย-เวียดนามมีมูลค่าการค้าระหว่างกันรวม 20,921 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกด้านหนึ่งไทยและเวียดนามเป็นคู่แข่งกันในเวทีการค้าโลกและการดึงการลงทุนจากต่างประเทศ

เพื่อฉายภาพการเป็นคู่ค้า และเป็นคู่แข่งขันกันในเวทีโลกให้ชัดเจนมากที่สุด “ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานอาวุโส หอการค้าไทย ในฐานะนายกสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม ดังรายละเอียด

เวียดนามคู่ค้าสำคัญของไทย

นายสนั่น กล่าวว่า ในปี 2569 จะเป็นปีที่ครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับเวียดนาม ที่ผ่านมา ไทยเป็นคู่ค้าที่สำคัญ และเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของเวียดนามในกลุ่มอาเซียน และมีเป้าหมายมูลค่าการค้าในปี 2568 ที่ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568

สนั่น อังอุบลกุล ประธานอาวุโส หอการค้าไทย ในฐานะนายกสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม

บริษัทไทยนิยมตั้งฐานการผลิตในเวียดนาม เพื่อเจาะตลาดเวียดนามที่กำลังเติบโต ในด้านการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเวียดนามนิยมมาเที่ยวเมืองไทยปีละไม่ตํ่ากว่า 1 ล้านคน โดย ณ ปัจจุบันมีภาคธุรกิจของไทยได้เข้าไปลงทุนในเวียดนามแล้วจำนวน 763 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 14,756 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ มี.ค. 2568) อยู่ในอันดับที่ 7 ของการลงทุนทางตรงจากต่างชาติ (FDI) ในเวียดนาม

อุตสาหกรรมไทยที่เข้าไปลงทุนในเวียดนามได้แก่ การเกษตร ค้าปลีก ปิโตรเคมี กระดาษคราฟท์ วัสดุก่อสร้าง เครื่องนุ่งห่ม พลังงานสะอาด นิคมอุตสาหกรรม

  • ส่วนนักลงทุนต่างชาติ 10 อันดับแรกในเวียดนาม (ข้อมูลล่าสุด ณ ปี 2567) ได้แก่

1.เกาหลีใต้ มูลค่าลงทุน 92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

2.สิงคโปร์ 83.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

3. ญี่ปุ่น 77.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

4.จีน 30.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

5.หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน 23.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

6.เนเธอร์แลนด์ 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

7.ไทย 14.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

8.มาเลเซีย 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

9.สหรัฐอเมริกา 11.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

10.รัฐเอกราชซามัว 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จุดเด่นเวียดนามดูดทุน FDI

นายสนั่น กล่าวอีกว่า จุดเด่นของเวียดนามที่ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก มีหลายปัจจัย ที่สำคัญได้แก่ เวียดนามมีการเมืองที่นิ่ง ต้นทุนการผลิตถูกกว่าไทย เช่น ค่าแรงงาน มีแรงงานหนุ่มสาวจำนวนมาก มีประชากรกว่าร้อยล้านคน มีการเติบโตของจำนวนประชากร และหนี้สินครัวเรือนตํ่า ค่านํ้า ค่าไฟ และราคาที่ดินสำหรับสร้างโรงงานไม่ มีนโยบายอำนวยความสะดวกในการส่งออก มีตลาดภายในประเทศที่กำลังเติบโต มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเร็ว โดยเวียดนามมีความคล่องตัวในการแก้กฎระเบียบให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนต่างประเทศ ทำให้เวียดนามได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากต่างประเทศ

“เป้าหมายการค้าไทย-เวียดนามที่ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 แต่คาดว่าคงต้องรอไปอีก 2-3 ปี เนื่องจากการค้าสะดุดในช่วงโควิดระบาด และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ตลอดจนสหรัฐประกาศใช้ภาษีตอบโต้กับประเทศต่าง ๆ ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว”

คู่แข่งสำคัญบนเวทีค้าโลก

ด้านการแข่งขัน นายสนั่น เผยว่า ไทยและเวียดนามถือเป็นคู่แข่งที่สำคัญในเวทีการค้าโลก โดยสินค้าที่ไทยและเวียดนามเป็นคู่แข่งกันในเวทีโลก เช่น ทุเรียน เสื้อผ้า รองเท้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี ยกเว้นรถยนต์ ซึ่งเวียดนามยังไม่สามารถแข่งกับไทยได้ อย่างไรก็ดีเวียดนามมีจุดได้เปรียบไทยในหลายด้าน

ทั้งต้นทุนค่าไฟฟ้า ค่าแรงในเวียดนามถูกกว่าไทย และโดยภาพรวมต้นทุนการผลิตของเวียดนามจะถูกหรือตํ่ากว่าไทย เฉลี่ย 5-10% เวียดนามมีการลงนามความตกลงการค้าเสรี (FTA) 17 ฉบับกับ 60 ประเทศ ขณะที่ไทยมีการลงนาม FTA 16 ฉบับกับ 23 ประเทศ ครอบคลุมตลาดหลักๆ สำคัญ ขณะที่เวียดนามอยู่ใกล้ตลาดจีนที่เป็นตลาดขนาดใหญ่มากกว่าไทย โดยเวียดนามกำลังเชื่อมจีนด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูง จึงได้เปรียบไทยในการส่งออกสินค้าเกษตรไปจีนได้สะดวกมากขึ้น

แนะไทยเร่งปรับตัวสู้เวียดนาม

กรณีล่าสุดที่ไทยและเวียดนามได้บรรลุข้อตกลงเรื่องภาษีการค้า (Reciprocal Tariff) กับสหรัฐอเมริกา โดยเวียดนามสามารถปิดดีลภาษีกับสหรัฐที่ 20% และไทยที่อัตรา 19% เรื่องนี้มองว่า ความแตกต่างของอัตราภาษีศุลกากรที่สหรัฐเรียกเก็บจากสินค้าไทยและเวีดยนาม ต่างกัน 1% นายสนั่น มองว่า ไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญ เพราะโดยปกติสินค้าที่ผลิตในเวียดนามมีต้นทุนถูกกว่าไทย 5-10% ขณะที่เวียดนามกำลังสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ในภาคใต้ เพื่อขนส่งสินค้าโดยตรงจากเวียดนามไปสหรัฐและยุโรป โดยไม่ต้องผ่านสิงคโปร์เหมือนในอดีต จะทำให้ค่าขนส่งถูกลง

“เพื่อคงความสามารถในการแข่งขันในตลาดสหรัฐของไทย หลังจากอัตราภาษีเพิ่มขึ้น 19% ไทยจะต้องเคร่งครัดป้องกันการสวมสิทธิ์สินค้าไทยจากต่างประเทศเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐ และควรเร่งขยายตลาดส่งออกไปยังตลาดเวียดนาม อินเดีย และจีน การศึกษาหาแหล่งวัตถุดิบ เพื่อสามารถขอใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าได้ สนับสนุนผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมในห่วงโซ่การผลิตจีน และการเร่งรัดทำ FTA กับสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อลดความเสียเปรียบต่อเวียดนาม”นายสนั่น กล่าวตอนท้าย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ทหารกราดยิงชาวบ้านสุรินทร์ล่าสุด ทบ.พบผู้ก่อเหตุฆ่าตัวตาย

34 นาทีที่แล้ว

สธ. อัปเดตผลกระทบเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา 15 สิงหาคม 2568

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

TOA โชว์กำไรไตรมาส2/68 พุ่ง 36.7% จ่ายปันผล 0.36 บาทต่อหุ้น

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ธปท.เข้มสกัดอาชญากรรมไซเบอร์ คาดโทษเพิกเฉยต้องรับผิดชอบความเสียหาย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

รีบคว้าด่วน!! โปรสุดปังจาก DUNLOP ใกล้หมดเขตแล้วนะ!

สวพ.FM91

จับสองผัวเมียลงทุนเช่าบ้านเสพยาบ้าก่อนถูกรวบ

77kaoded

"ปปป." พร้อมรับ ตรวจสอบทุจริต "วัดพระบาทน้ำพุ"

Thai PBS

โต้เดือดชายแดนสระแก้ว หญิงกัมพูชาบีบน้ำตาวอนทหารไทยเปิดด่าน ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตถูกเกณฑ์มา

สยามนิวส์

ประกาศ! กปน.18 ส.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล โรงงานผลิตน้ำสามเสน 1 และ 3

สวพ.FM91
วิดีโอ

กต. โชว์ตัวอย่างทุ่นระเบิด แจงคณะทูต 41ประเทศ

THE ROOM 44 CHANNEL

บุกจับ 2 คลินิกดัง รวบหมอเถื่อน ศัลยกรรมทำสวย-ฉีดเพิ่มขนาด

สวพ.FM91
วิดีโอ

ตกใจฐานะแท้จริง! "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" หลังบอกได้ไปเรียนต่างประเทศ!

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...