โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

ธปท.เข้มสกัดอาชญากรรมไซเบอร์ คาดโทษเพิกเฉยต้องรับผิดชอบความเสียหาย

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ในยุคที่เทคโนโลยีทางการเงินเติบโตอย่างก้าวกระโดด ความสะดวกสบายของผู้บริโภคเดินคู่มากับความเสี่ยงรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนกว่าเดิม อาชญากรรมไซเบอร์ได้ก้าวล้ำจากการหลอกลวงผ่านโทรศัพท์และข้อความสั้น

มาสู่การโจมตีโดยใช้เทคนิคขั้นสูง ทั้งการปลอมแปลงข้อมูล การสวมรอยทำธุรกรรม หรือการเจาะระบบของแอปพลิเคชันธนาคาร ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและบั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบการเงินอย่างต่อเนื่อง

ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จึงได้ยกระดับมาตรการเชิงรุกออกประกาศ “มาตรฐานและมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสำหรับสถาบันการเงิน” ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีผลบังคับใช้ทันทีตั้งแต่ 8 สิงหาคม 2568

นับเป็นหมุดหมายสำคัญของการกำหนดกรอบบังคับใช้ที่ชัดเจน ครอบคลุมทั้งธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ผู้ให้บริการทางการเงินรูปแบบอื่น (Non-bank) ตลอดจนผู้ให้บริการโทรคมนาคมและแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้สถาบันการเงินต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในประกาศนี้ เพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและรักษาความเชื่อมั่นในระบบสถาบันการเงินและระบบการชำระเงินของประเทศ

ในกรณีที่ความเสียหายดังกล่าวเกี่ยวข้องโดยตรงกับการที่สถาบันการเงินไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ สถาบันการเงิน ต้องมีส่วนรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตามสัดส่วนแห่งพฤติการณ์ของสถาบันการเงินลูกค้า ผู้ประกอบธุรกิจรวมทั้งบุคคลอื่นตามที่แต่ละบุคคลจะมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดความเสียหาย

ประกาศธปท. ได้กำหนดมาตรการไว้ 5 หมวดใหญ่ ครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันการสวมรอยทำธุรกรรม การรู้จักและตรวจสอบลูกค้า การจัดการความเสียหายจากบัญชีม้า ไปจนถึงการเปิดช่องทางรับแจ้งเหตุเร่งด่วน สาระสำคัญประกอบด้วย

1.ป้องกันการสวมรอยทำธุรกรรมแทนผู้ใช้บริการ(Unauthorized Payment Fraud) โดยสถาบันการเงินต้องมีการป้องกันการสวมรอยทำธุรกรรมแทนผู้ใช้บริการและรักษาความมั่นคงปลอดภัยแอพพลิเคชั่นที่ใช้บริการ Mobile Banking ที่มีการให้บริการแก่ลูกค้า ที่เป็นบุคคลธรรมดา เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ดังนี้

  • ห้ามส่งลิงก์ที่เสี่ยงต่อความเสียหายผ่าน SMS อีเมล หรือโซเชียลมีเดีย
  • จำกัด 1 บัญชี Mobile Banking ต่อ 1 อุปกรณ์
  • ใช้การยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีเปรียบเทียบใบหน้า ร่วมกับการตรวจจับการปลอมแปลงชีวมิติ (Liveness Detection) สำหรับธุรกรรมโอนเงินตั้งแต่ 50,000 บาท หรือรวม 200,000 บาทต่อวัน และกรณีปรับเพิ่มวงเงินเกิน 50,000 บาท
  • ตรวจสอบทุกครั้งเมื่อเข้าใช้งานแอปฯ ว่ามีการแก้ไขดัดแปลงหรือไม่ หากพบต้องไม่อนุญาตให้ใช้งาน
  • ไม่ให้แอปฯ ทำงานพร้อมแอปเสี่ยง เช่น แอปควบคุมเครื่องระยะไกล หรือแอปที่สามารถขโมยข้อมูลหน้าจอ

2.รู้จักลูกค้า(KYC) เพื่อป้องกันบัญชีม้า สถาบันการเงินต้องมีกระบวนการรู้จักลูกค้าหรือ KYC โดยทุกการเปิดบัญชีเงินฝากต้องมีขั้นตอนแสดงตน (Identification) และพิสูจน์ตัวตน (Verification) อย่างรัดกุม เพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลปลอมเปิดบัญชีม้า ซึ่งเป็นช่องทางหลักของการฟอกเงินและหลอกลวงทางการเงิน

3.ตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า สถาบันการเงินต้องประเมินความเสี่ยงลูกค้าและตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดย สถาบันการเงินต้องจัดระดับความเสี่ยงของลูกค้า โดยบัญชีม้าดำ ม้าเทาเข้ม และม้าเทาอ่อน จะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงิน

สถาบันการเงินต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้นตามกฎหมายฟอกเงิน รวมถึงขอข้อมูลแหล่งที่มาของเงินหรือทรัพย์สิน อาชีพ และวัตถุประสงค์การทำธุรกรรม หากไม่สามารถยืนยันได้ ต้องปฏิเสธการทำธุรกรรมหรือยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจ

4.จำกัดความเสียหายและการจัดการบัญชีม้า สถาบันการเงินต้องดำเนินการจำกัดความเสียหายและจัดการบัญชีม้า โดยจัดให้มีการแจ้งเตือนลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดาผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่งทันทีเมื่อมีเงินออกจากบัญชีเงินฝากจากการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล โดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเช่นการแจ้งเตือนผ่านบริการ Mobile Banking บัญชีทางการ บน platform ส่งข้อความ LINE Official Account หรือ SMS และอีเมล

สถาบันการเงินต้องระงับการทำธุรกรรมยกเลิกการระงับการทำธุรกรรมแจ้งสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่รับโอนถัดไปรวมทั้งนำข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลตามข้อปฏิบัติที่ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ศปอท).

5.กระบวนการรับแจ้งเหตุที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สถาบันการเงินต้องจัดให้มีช่องทางติดต่อเร่งด่วนหรือฮอตไลน์ทางโทรศัพท์หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ลูกค้าสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินเพื่อแจ้งเหตุที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ทั้งในและนอกเวลาทำการ

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,122 วันที่ 14 - 16 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ทหารกราดยิงชาวบ้านสุรินทร์ล่าสุด ทบ.พบผู้ก่อเหตุฆ่าตัวตาย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สธ. อัปเดตผลกระทบเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา 15 สิงหาคม 2568

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

"โฆษกกองทัพบก" ยืนยัน รั้วลวดหนามฝั่งไทย ยังสมบูรณ์ ชี้คลิปกัมพูชา เป็นการจัดฉาก

สวพ.FM91

ทบ. เผย พบศพ พลทหารฯ ผู้ก่อเหตุในพื้นที่ อ.กาบเชิง เสียชีวิตแล้ว คาดปลิดชีพตัวเอง

THE ROOM 44 CHANNEL

กต. โชว์ตัวอย่างทุ่นระเบิด แจงต่อคณะทูต ก่อนลงพื้นที่จริงพรุ่งนี้

THE ROOM 44 CHANNEL

ย้ายลุงพลเข้าเรือนจำกลางนครพนม – ป้าแต๋นหอบหัวใจมาฝาก ให้กำลังใจสู้คดีถึงฎีกา

77kaoded

รีบคว้าด่วน!! โปรสุดปังจาก DUNLOP ใกล้หมดเขตแล้วนะ!

สวพ.FM91

จับสองผัวเมียลงทุนเช่าบ้านเสพยาบ้าก่อนถูกรวบ

77kaoded

"ปปป." พร้อมรับ ตรวจสอบทุจริต "วัดพระบาทน้ำพุ"

Thai PBS

โต้เดือดชายแดนสระแก้ว หญิงกัมพูชาบีบน้ำตาวอนทหารไทยเปิดด่าน ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตถูกเกณฑ์มา

สยามนิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...