เรือนจำกลางปัตตานีพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนวาระ 120 วันต่อต้านการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิด
วันที่ 10 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือนจำกลางปัตตานีร่วมขับเคลื่อน วาระ 120 วัน ต่อต้านการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิด ตามนโยบายของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเน้นย้ำการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดกลุ่ม 4 คูณ100 รวมถึงการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนและผู้ค้าใบกระท่อมในพื้นที่ ไม่ให้จำหน่ายริมทางหรือในลักษณะที่ผิดกฎหมาย โดยปัจจุบันเรือนจำกลางปัตตานีมีผู้ต้องขังในคดียาเสพติดมากถึง 80 % และยังคงมีผู้กระทำผิดคดียาเสพติดถูกส่งตัวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางเรือนจำต้องเร่งดำเนินการฟื้นฟูและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ต้องขังผ่านกิจกรรมต่างๆ ทั้งด้านการศึกษา การบำบัด และการฝึกอาชีพ
ซึ่งเรือนจำกลางปัตตานีได้จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของยาเสพติด รวมถึงการจัด เวทีเสวนาภายในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับพืชกระท่อมที่กำลังระบาดอยู่ในพื้นที่ พร้อมส่งเสริมการฝึกฝนอาชีพต่างๆ ให้ผู้ต้องขังได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะตามความสามารถของแต่ละคนเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้ต้องขังสามารถกลับออกไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ โดยไม่กลับไปทำผิดซ้ำ
อีกทั้งนอกจากทักษะอาชีพแล้ว ทางเรือนจำยังให้ความสำคัญกับศาสนบำบัด ที่ช่วยขัดเกลาจิตใจ และเสริมสร้างแนวคิดเชิงบวก เพื่อให้พวกเขากลับมาเป็นคนดีของสังคมซึ่ง เรือนจำกลางปัตตานีได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม ส่งเสริมให้ผู้เคยหลงผิดได้รับโอกาสในการกลับมาอยูาในสังคม โดย การสร้างงาน สร้างอาชีพ และรายได้แก่ผู้พ้นโทษ ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดอัตราการกระทำผิดซ้ำ
ด้านนายศรชัย ตลาสุข รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานี เปิดเผยว่าเรือนจำกลางปัตตานีให้ความสำคัญกับการบำบัดและฟื้นฟูผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้ค้าและผู้เสพ โดยมีการจัดอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ พร้อมย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจากตัวเขาเองก่อน หากเขายอมรับตัวเองและความจริงที่เป็นอยู่ได้ ก็จะสามารถปรับพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ในภายหลัง สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความเข้าใจในตัวตน อย่าให้บริบทของสังคมบีบบังคับให้เปลี่ยน แต่ให้เปลี่ยนเพื่อตัวเอง และเริ่มจากภายใน
สำหรับเรือนจำไม่มีสารเสพติดอยู่แล้ว หากผู้ต้องขังตั้งใจจริงที่จะเลิก ก็สามารถทำได้ง่ายกว่าสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งมักมีสิ่งยั่วยุ เช่น เพื่อนหรือกลุ่มสังคมเดิมที่ยังเสพยาอยู่เมื่อเขาตัดขาดจากยาเสพติดแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการฟื้นฟู เราจัดให้มีการอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลธัญญารักษ์ โรงพยาบาลสาธารณสุข นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อให้ผู้ต้องขังมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถลด ละ เลิกยาเสพติดได้
ซึ่งนายศรชัยเปิดเผยเพิ่มเติมว่า หลังจากพ้นโทษ สิ่งสำคัญที่สุดคือการให้โอกาสจากสังคม ทั้งการชี้แนะแนวทาง การให้กำลังใจ และการสนับสนุนด้านอาชีพ เพื่อให้พวกเขาสามารถยืนหยัดด้วยตนเองได้ เชื่อว่าหากมีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง ไม่มีใครอยากกลับไปกระทำผิดซ้ำ เราต้องไม่ซ้ำเติม ไม่ลงโทษเขาเป็นครั้งที่สอง เพราะการอยู่ในเรือนจำก็เป็นการรับโทษตามกฎหมายแล้ว สังคมควรเปิดใจและเปิดโอกาสให้พวกเขากลับมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม